บทที่ 118 - ลัทธิมารหวนคืน

          “ แม้ในวันนี้ข้าจะพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า แต่ในอีก 3 เดือนให้หลังในการประลองของศิษย์เมล็ดพันธุ์ข้าจะมีชัยเหนือเจ้า ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าสำหรับเรื่องในวันนี้ให้จงได้! ” โมฮัน จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
       
สำนักหลักยี่หยวนฝ่ายในมีเพียงแค่ศิษย์เมล็ดพันธุ์ 100 คนเท่านั้น แต่มันก็มิได้ถูกจัดอันดับตายตัว เพราะในทุก ๆ ปีจะมีการประลองของเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์และอันดับศิษย์ 100 คนจะถูกจัดขึ้นใหม่เสียทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากมายหรือศิษย์ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งศิษย์เมล็ดพันธุ์ กระทั่งเหล่าศิษย์ธรรมดาสามัญต่างก็ต้องการที่จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เพราะการดำรงอยู่ตำแหน่งในฐานะศิษย์เมล็ดพันธุ์นั้นจะทำให้พวกเขาได้รับทรัพยากรจำนวนมากและการเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเหล่าศิษย์หลักบางจำพวกเสียอีก
       
คำท้าของ โมฮัน ก็ได้เป็นตัวยืนยันอย่างชัดเจนว่าในอีก 3 เดือนหลังจากนี้ เย่ชีเหวิน จะมีความสามารถเพียงพอเข้าร่วมการประลองของเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ และตัวเขาเองหลังจากที่ได้บรรลุเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอก เขามีความมั่นใจว่าในอีก 3 เดือนหลังจากนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขอบเขตและก้าวขึ้นไปยัง[ ระดับขั้นเสี้ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้เป็นแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นเขามั่นใจว่าตนจะมีชัยเหนือ เย่ชีเหวิน
       
เย่ชีเหวิน เองก็ยังเคยได้ยินเกี่ยวกับการประลองของเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ เพราะสำหรับศิษย์ฝ่ายในแล้วการได้ครอบครองตำแหน่งศิษย์เมล็ดพันธุ์ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ลึกลงไปในใจของทุกคนต่างก็ต้องการที่จะเป็น 1 ในเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ ฉะนั้นทุกปีในช่วงการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์จึงมีเหล่าศิษย์หน้าใหม่จำนวนมากที่ได้เข้าร่วมการประลองเพื่อหวังจะเฉิดฉายเหนือผู้ใด
       
เย่ชีเหวิน ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะได้เขาร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ได้ภายในระยะเวลาอันสั่น ทั้งที่ก่อนหน้าเขาได้คาดการณ์เอาไว้ว่ากว่าที่เขาจะสามารถเข้าร่วมในการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ได้อย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาอย่างต่ำถึง 5 ปี แต่เขาก็มิได้คาดคิดว่าความแข็งแกร่งของเขาจะคืบหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
       
มิน่าแปลกใจที่คนจำนวนมากได้เข้ามาฝึกฝนยังภายในสำนักหลักต่างมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเขาได้ฝึกฝนยังภายในสำนักย่อยแล้วช่างเป็นอัตราความก้าวหน้าที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย
       
หลังจากที่กล่าวจบ โมฮัน ก็มิคิดที่จะฟังคำตอบจาก เย่ชีเหวิน เขาได้เดินจากไปพร้อมกับคนของ[พรรค ฟู๋ตี่]ที่ได้เข้ามาช่วยพยุงแขนของเขา
       
          “ การประลองของเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์? ” เหล่าศิษย์จาก[พรรค เฉินยู้]ต่างส่งสายตาให้กันด้วยความรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของ โมฮัน มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ความหมายของการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ หากแต่สำหรับพวกเขาแล้วมันยังคงเป็นเส้นทางอีกยาวไกล แม้จะเป็นอัจฉริยะเช่น เย่ฟง และคนอื่น ๆ อย่างน้อยพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลา 5 – 6 ปี เพื่อให้พวกเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะมีโอกาสกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ และสำหรับพวกเขาอย่างน้อยมันก็ต้องใช่ระยะเวลา 30 – 40 ซึ่งมันก็ไม่ได้ถือว่านานมากนักเมื่อเทียบกับอายุ 200 ปีใน[ ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

[ปล. เมื่อก้าวเข้าสู่ดินแดนลมปราณก่อเกิดอายุจะยืด 200 ปี]
       
          “ น้องสามเจ้าจะต้องเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้ให้จงได้ มันจะยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่อเจ้าได้ก้าวขึ้นไปยังอันดับ 1 ใน 100 ของศิษย์เมล็ดพันธุ์ โดยเฉพาะชื่อเสียงศิษย์ใหม่ของพวกเราก็จะยิ่งโด่งดังมากขึ้น! ” เย่หรูเชว่ ตบไหล่ เย่ชีเหวิน พร้อมกล่าวยุยง
       
และในขณะเดียวกันบริเวณใกล้เคียงศิษย์ผู้อาวุโสก็ยิ่งค่อนข้างที่จะรู้สึกหดหู่ใจ ไม่เพียงแค่เอาชนะ โมฮัน เท่านั้นแต่ยังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่จะมาถึงนี้อีก มันไม่เคยมีศิษย์ใหม่คนไหนหาญกล้าเช่นนี้มาก่อน!
       
เย่ชีเหวิน ยังคงยิ้มแต่มิได้กล่าวอะไร เพราะเขาในตอนนี้แน่นอนว่ามีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ แม้อาจไม่ชนะหรือเป็นที่หนึ่งแต่อย่างน้อยเข้าก็ควรที่จะติดอันดับปลาย ๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นอันดับที่เท่าไหร่มันก็ไม่สำคัญเพราะแค่นี้มันก็ถือเป็นความรุ่งโรจน์ที่มากเกินพอแล้วสำหรับศิษย์ใหม่ และสำหรับ เย่ชีเหวิน มันก็ดีกว่าไม่ได้อะไร
       
ทุกคนต่างเดินไปที่โตะวางเดิมพันเพื่อรับเงินรางวัลชัยชนะของพวกเขา 10 เท่า ด้วยรูปลักษณ์ใบหน้าที่ยิ้มละลื่น
       
หลังจากที่ได้วางเงินเดินพันไป 5,000 ศิลาวิญญาณระดับกลาง เขาก้ได้รับมาถึง 50,000 ศิลาวิญญาณระดับกลาง ด้วยการวางเดิมพันชัยชนะของตนเอง เย่ชีเหวิน ได้กลายเป็นคนที่มั่งคั่งไปภายในชั่วข้ามคืน เหล่าศิษย์ผู้อาวุโสที่ได้อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาอิจฉา ซึ่ง เย่ชีเหวิน เองก็ได้เก็บศิลาวิญญาณกว่า 50,000 ก้อน เข้าไปภายในแหวนพื้นที่ของเขาอย่างรวดเร็ว
       
หลังจากที่ได้รับศิลาวิญญาณมาเป็นจำนวนมาก เย่ชีเหวิน คงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงกับการดูดซับศิลาวิญญาณไปอีกเป็นเวลานาน
       
ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้าจนมาถึงวันนี้ เย่ชีเหวิน ต้องยอมรับว่าเขานั้นสามารถหาทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วมากจนน่าทึ่ง หากแต่อัตราที่เขาใช้จ่ายออกไปมันกับรวดเร็วยิ่งกว่า จนถึงในขนาดที่ไม่ว่าจะไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีศิษย์สามัญธรรมดาที่ไหนเชื่อได้อย่างแน่นอน แม้แต่เหล่าศิษย์หลักก็ยังไม่มีทางที่จะใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองได้เท่าเขา ความต้องการของ[ พื้นที่ลึกลับ ]นั้นถือได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงมากจนเกินสามัญสำนึก หากแต่ เย่ชีเหวิน ก็ยังคงพึงพอใจในผลลัพธ์ของมัน
       
แม้ เย่ชีเหวิน ต้องก้าวเดินออกไปยังเส้นทางที่ใช้จ่ายศิลาวิญญาณอย่างฟุ่มเฟือย หากแต่เขาก็ยังคงมีพัฒนาการและการฝึกฝนที่รวดเร็วยิ่งกว่าผู้ใด หากแต่ถ้าเป็นศิษย์ธรรมดาสามัญคนอื่น ๆ ได้ใช้จ่ายศิลาวิญญาณออกไปฟุ่มเฟือยในอัตราระดับเดียวกันกับ เย่ชีเหวิน ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของมันผู้นั้นจะตกฮวบลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยปกติแล้วเหล่าคนธรรมดาสามัญทั่วไปจะมีการดูดซับศิลาวิญญาณที่อยู่ในอัตราที่เชื่องช้ากว่าเมื่อเทียบกับ เย่ชีเหวิน
       
แม้ เย่ชีเหวิน จะใช้จ่ายศิลาวิญญาณออกไปเป็นจำนวนมากจนเหนือสามัญสำนึกของผู้คน แต่มันก็แลกมาด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือจินตนาการและความรวดเร็วในการบ่มเพาะพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ ในขณะที่ความเร็วในการเก็บเกี่ยวศิลาวิญญาณเพื่อนำมาบ่มเพาะพลังก็ยังอยู่ในอัตราระดับความเร็วที่เท่าเทียมกัน มันจึงเป็นตัวบ่งบอกถึงศักยภาพในการบ่มเพาะพลังของ เย่ชีเหวิน เป็นอย่างดีว่าเขานั้นมีคุณสมบัติที่อยู่ในระดับที่สูงมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีการเจริญเติบโตและแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
       
เมื่อ เย่ชีเหวิน ที่เป็นตัวแทนจาก[พรรค เฉินยู้]ได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับ โมฮัน เหล่าพรรคที่เป็นศัตรูกับ[พรรค เฉินยู้]อยู่ก่อนหน้า ต่างก็ได้ประกาศตัวออกมาอย่างรวดเร็วว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับ[พรรค เฉินยู้]อีกต่อไป หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้[พรรค เฉินยู้]ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแค่ภายใน[ ยอกหุบเขา เสียดนภา ]เท่านั้น แต่มันยังแพร่ขยายอิทธิพลไปยังยอดหุบเขาต่าง ๆ อีกทั้ง 9 ยอดหุบเขา เหล่าผู้คนที่ได้เข้าร่วมกับ[ พรรค เฉินยู้]มากกว่า 70% ต่างเป็นศิษย์ใหม่ในปีนี้และอีก 30% คือเหล่าผู้มีขุมพลังอำนาจต่าง ๆ ก็ยังต้องการที่จะเข้าร่วมกับ[พรรค เฉินยู้]
       
ในช่วงระยะเวลาเพียงสั่น ๆ คนของ[พรรค เฉินยู้]ได้พุ่งสูงขึ้นไปกว่า 1,000 คน และในเวลาเพียงไม่นานมันก็ได้พุ่งสูงขึ้นไปอีกถึง 2,000 คน
       
เมื่อยามที่[พรรค เฉินยู้]ได้กู้ศักดิ์ศรีของตนคืนมาได้สำเร็จและมีสถานะที่เทียบเท่ากับพรรคอื่น ๆ จึงทำให้มันกลายเป็นที่ดึงดูดความสนใจต่อพวกศิษย์เป็นจำนวนมาก
       
โดยเฉพาะศิษย์ใหม่ ซึ่งพวกเขาต่างรู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมและความใกล้ชิดต่อ[พรรค เฉินยู้]มากกว่าเมื่อเทียบกับพรรคอื่น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบถึงพัฒนาการของ[พรรค เฉินยู้]ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่โดยธรรมชาติแล้วมันย่อมไม่สามารถเทียบเท่ากับพรรคของเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสได้อย่างแน่นอน หากพวกเขาเข้าร่วมกับ[พรรค เฉินยู้]ทังศักยภาพและพัฒนาการของพวกเขาจะถูกจำกัดลง แต่ถ้าเกิดพวกเขาเข้าร่วมกับพรรคของเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสพวกเขาจะมีโอกาสที่ได้เจริญเติบโตในระดับที่รวดเร็วยิ่งกว่า หากแต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเขาหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดต่างถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะจากสำนักย่อยของตน ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะจากศิษย์สำนักย่อยหรือศิษย์ภายนอกการจะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพยายาม นอกจากนี้[พรรค เฉินยู้]ยังมีบุคคลอย่าง เย่ชีเหวิน อยู่ซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับศิษย์เมล็ดพันธุ์ เป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่จะดึงดูดศิษย์จำนวนมากให้เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีผู้นำอย่าง เหยียนชือหลิงและผู้เข้าร่วมอย่าง เย่ฟง และ จางซุนยวี้หยิน ที่มีชื่อเสียงไม่น้อยในหมู่เหล่าศิษย์ใหม่จึงเป็นธรรมชาติที่จะดึงดูดให้ผู้คนเหล่านั้นเข้าร่วม
       
แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่เข้าร่วม[พรรค เฉินยู้]ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ศิษย์ใหม่ ในขณะที่เหล่าศิษย์ผู้อาวุโสยังคอยจ้องมองดูสถานการณ์อยู่รอบข้าง
       
เหล่าศิษย์ของ[พรรค เฉินยู้]ต่างยังคงตกอยู่ในความรู้สึกตื่นเต้น หลังจากการพัฒนาและการขยายตัวพรรคของพวกเขายังคงดำเนินไปอยู่อย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้ชื่อเสียงของ[พรรค เฉินยู้]ได้กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วทั้งสำนักยี่หยวนอย่างรวดเร็ว
       
แต่ในขณะเดียวกันหลังจากที่เงียบหายไปนับ 100 ปี เหล่าผู้คนที่สักการะลัทธิมารก็ได้กลับหวนคืนมาอีกครั้ง สู่แผ่นดินใหญ่[ จักรวรรดิต้าเยว้ ] ซึ่งข่าวนี้ได้ถูกแพร่พรายไปทั่วสำนักยี่หยวนและทำให้เหล่าผู้คนต่างตกอยู่ในความโกลาหลอย่างฉับพลัน
       
เมื่อ เย่ชีเหวิน ที่ทราบถึงข่าวนี้เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นพายุลูกใหญ่ที่กำลังมา
       
เรื่องเกี่ยวกับการหวนคืนของลัทธิมารได้แพร่พรายออกไปอย่างรวดเร็วภายในสำนักยี่หยวนและเหล่าศิษย์ใหม่ ซึ่งเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสที่ได้ใช้ระยะเวลาอยู่ภายในสำนักหลักมาเป็นเวลากว่า 100 ปีก็จะเล่าเรื่องถึงเหล่ากลุ่มคนที่เคารพบูชาพวกปีศาจให้กับพวกศิษย์ใหม่ฟัง ว่านับ 100 ปีที่ผ่านมาเหล่ากลุ่มคนที่เคารพบูชาพวกปีศาจถือได้ว่าเป็นขุมพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้แพร่พรายไปทั่วทั้งโลก[ การต่อสู้ที่แท้จริง ]
       
ในโลก[ การต่อสู้ที่แท้จิง ] จะมีการแยกแยะความแตกต่างระหว่าง เคล็ดวิชามาร กับ เคล็ดวิชามนต์ดำ อย่างเช่นพวก[ เชื้อสายผสม ] 1 ใน 4 สำนักใหญ่ของ[ จักรวรรดิต้าเยว้ ]ที่ถูกยอมรับว่าเป็นสำนักของพวก[ ปีศาจนอกรีต ]แต่ก็ยังถูกพิจารณาว่าเป็น 1 ใน 4 สำนักที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ
       
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
       
B1 : เอาว่ะศึกใหม่ก็กำลังจะการประลองก็จะเริ่มในอีก3 เดือน5555 งานนี้มีมันอีกแล้ว
B2 : อืมนี่มันกลายเป็นนิยายแฟนซีไปแล้วใช่ไหม
B3 : มันก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ นิยายแฟนซี่ + กำลังภายใน [ม.]ไม่รู้ไง ไอ้โง่!!
B2 : เรื่องของ[ก.]
B4 : เอาน่าหลังจากนี้เนื้อเรื่องคงจะเข้มข้นขึ้น

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

5 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม