บทที่ 120 - ศัตราวุธวิญญาณเทียม

กำปั้นของขุนนางหนุ่มได้พุ่งตรงมาถึงยังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน เมื่อดูจากลักษณะแล้วช่างเป็นพลังอำนาจกำปั้นที่รุนแรง อีกทั้งโดยรอบหมัดยังถูกปกคลุมไปด้วยพลังปราณที่จะเพิ่มความเสียหายเป็นทวีคูณ แต่ไม่ว่าพลังอำนาจของมันจะรุนแรงแค่ไหนหากไม่โดนมันก็ไร้ความหมาย
       
พลังปราณได้สูบฉีดไปที่ปลายเท้าของ เย่ชีเหวิน เพียงชั่วพริบตาเขาได้เปิดใช้[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ]ที่พัฒนาแล้วมาถึง[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ]และได้ถอยห่างออกไปนับหลายก้าวเพียงชั่วพริบตา เสื้อผ้าและทรงผมที่ปลิวไสวไปตามสายลมอย่างงดงามในขณะที่เขากำลังหลบหลีกกำปั้นของขุนนางหนุ่ม
       
จากนั้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ปล่อยฝ่ามือของเขาสวนกลับออกไปในทันที เสียงฟ้าร้องดังลั่นพลังปราณรูปแบบสายฟ้าได้ไหลพล่านปกคลุ่มไปทั่วทั้งฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน
       
ด้วยเสียงคำรามดังกึกก้องของสายฟ้า ฉับพลันเขาได้ปล่อย[ ฝ่ามืออสนีบาต ]ที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าออกไปในทันที
       
          “ นี่มันเรื่องจริง! ” อาการแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่อย่างจะเชื่อได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทั้ง 7 “ วิธีการใดกันถึงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้! ”
       
เมื่อพวกเขาทั้ง 7 ได้เห็นพลังอำนาจเคล็ดวิชาฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ทั่วทั้งใบหน้าก็บังเกิดเหงื่อไหลท่วม ถ้าหากมันเป็นพวกเขาที่ได้ต่อสู้กับ เย่ชีเหวิน อยู่ในตอนนี้ด้วยพลังอำนาจจากเคล็ดวิชาฝ่ามือนั่น ร่างของพวกเขาคงได้ระเบิดออกเป็นจุนด้วยพลังอำนาจของมันเป็นแน่
       
แม้พวกเขาจะรู้ว่า เย่ชีเหวิน ได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับ โมฮัน ในการประลอง อีกทั้งในการประเมินที่[ ดินแดนภูมิปีศาจมายา ] เย่ชีเหวิน ก็ยังได้บุกฝ่าไปยังระดับขั้นต่อไปในด้านหน้าของพวกเขาและในความคิดของพวกเขา เย่ชีเหวิน ก็เปรียบเสมือนเป็นดั่งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำใจเชื่อได้ลงว่า เย่ชีเหวิน ได้บรรลุ[ ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ]แล้ว แต่หลังจากในตอนนี้ที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งใน[ ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ของ เย่ชีเหวิน หัวใจของพวกเขาก็ได้ตกอยู่ในความสับสนในทันที
       
นอกจากนี้ขุนนางหนุ่มก็ยังไม่เคยได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นจะอยู่ในระดับที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ ตามที่เขาได้ยินเรื่องเล่ามาจากปากของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 7 ว่า เย่ชีเหวิน นั้นแท้จริงแล้วมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าพวกเขาเพียงน้อยนิดเท่านั้น พวกเขาจึงได้ปักใจเชื่อว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ที่พวกเขาได้ยินมานั้นคือเรื่องเท็จ หากแต่ในตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้สึกตัวว่าพวกเขานั้นคิดผิดอย่างมหันต์และประมาท เย่ชีเหวิน มากเกินไป
       
ความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานของ เย่ชีเหวิน ได้อยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่ขุนนางหนุ่มผู้นี้จะสามารถคาดคิดได้ และเขายังมั่นใจอีกด้วยว่าความแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ฝ่ายในทั่วไปจะสามารถบรรลุ หากแต่มันเป็นความแข็งแกร่งของพวกเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นจึงจะสามารถสำแดงพลังอำนาจเช่นนี้ออกมาได้
       
แต่อย่างไรก็ตามนี่มิใช่เวลาที่เขาจะมามัวบ่น เขาได้รีบยกแขนขึ้นอย่างรวดเร็วและป้องมันไว้ที่บริเวณหน้าอกของเขาดั่งเช่นผนังเหล็กที่ยากจะทำลาย
       
สำหรับคนอื่น ๆ แล้วแน่นอนว่ามันคือการป้องกันเหล็กกล้าที่ยากจะทำลาย
       
          “ ต้องการที่จะป้องกัน? ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันและเร่งความเร็วของ[ ฝ่ามืออสนีบาต ]ขึ้นเป็นทวีคูณและอัดกระแทกเข้าใส่หน้าอกของขุนนางหนุ่ม
       
[ ฝ่ามืออสนีบาต ]ของ เย่ชีเหวิน ได้ทะลวงผ่านชั้นป้องกันเหล็กกล้าของขุนนางหนุ่มและพุ่งตรงอัดกระแทกเข้าไปที่หน้าอกของเขา
       
          “ ตึม! ” เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ด้วยพลังอำนาจอันมหาศาลมันได้ทำลายผ่านการป้องกันของขุนนางหนุ่มในทันที ร่างกายของเขาปลิวกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้าสูงและตกลงมาอย่างรุนแรง
       
ทันทีที่ร่างของขุนนางหนุ่มได้หล่นลงกระแทกพื้นเขาก็ได้กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาที่เครียดแค้นไปจนถึงกระดูกดำโดยไม่กระพริบตา กลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากร่างกายของเขาในยามนี้นั้นมันทำให้รู้สึกได้ถึงความหวานเย็นไปชั่ววูบ เพียงชั่วพริบตาประกายแสงสีดำก็ได้พุ่งตรงและมาปรากฏยังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน
       
ในขณะที่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังต้องรู้สึกผงะ ฉับพลันเขาสามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าแสงเย็นสีดำนี้ไม่ใช่ประกายแสงธรรมดา เขาได้รีบยกมือขึ้นข้างหนึ่งเพื่อป้องกันในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาได้ฟาดฟันใบมีดประกายแสงออกไป
       
          “ ปัง! ” ใบมีดประกายแสง พุ่งชนเข้ากับ แสงสีดำทมิฬ ที่ได้ส่งกลิ่นอายอันหนาวเย็นออกมา เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ถึงแรงดันอันมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมาจากแสงสีดำทมิฬนั่น ซึ่งมันรุนแรงมากพอที่เกือบจะทำให้ใบมีดหลุดออกไปจากฝ่ามือของเขา
       
แสงจ้าสีดำได้ถูกกดลงไปที่พื้นดิน เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้สังเกตเขาก็ได้รับรู้ว่ามันคือ[กระบี่บินสองคม]และมีกลิ่นอายของจิตวิญญาณแพร่ออกมาจากตัวมัน จึงอาจกล่าวได้อย่างปากว่ามันคือ[ ศัตราวุธจิตวิญญาณ ] หากแต่เมื่อสังเกตดูดีดีแล้วเขาจะเห็นได้ถึงรอยแตกที่ปรากฏบน[กระบี่บินสองคม] ในระหว่างช่วงที่ใบมีดยาวและกระบี่บินได้เข้าปะทะกันและด้วยพลังอำนาจอันมหาศาลของใบมีดยาว จึงก่อให้เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่
       
เย่ชีเหวิน จับจ้องไปที่ใบมีดยาวของเขาในขณะที่มันยังคงอยู่ในสภาพเดิมราวเหมือนกับทองไม่รู้ร้อน ไม่มีรอยขีดข่วนใดปรากฏขึ้นบนใบมีดยาวของเขาเลยแม้แต่น้อยกระทั่งตัวเขาเองก็ยังแอบรู้สึกแปลกใจ อาวุธสภาพดีที่กองอยู่กับอาวุธสนิมเขรอะในถ้ำของราชันย์วานร เพราะเห็นว่ามันยังคงอยู่ในสภาพดีเขาจึงได้คว้ามันมาโดยที่มิได้ทราบถึงที่มาของมัน แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีความคงทนที่อยู่ในระดับที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ ถึงขนาดทำให้[ ศัตราวุธจิตวิญญาณ ]เกิดรอยร้าวได้
       
ศัตราวุธเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็น ศัตราวุธธรรมดา ศัตราวุธวิเศษ และ ศัตราวุธวิญญาณ ซึ่งศัตราวุธวิญญาณจะถูกแบ่งออกเป็น ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และ ระดับชั้นเลิศ 4 ระดับ
       
โดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกยุทธ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] จะใช้[ ศัตราวุธธรรมดา ]ที่ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กที่สามารถหาได้ทั่วไป
       
แล้วที่อยู่ในระดับสูงกว่า[ ศัตราวุธธรรมดา ]ก็มั่นเหมาะที่จะเป็น[ ศัตราวุธวิเศษ ] ซึ่งส่วนใหญ่มักถูกใช้โดยผู้ฝึกยุทธ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]ไปจนถึง[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการทำ[ ศัตราวุธวิเศษ ]นั้นถือได้ว่าหายากมาก มันจำเป็นที่จะต้องใช้เหล็กกล้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วมากกว่า 100 ปี ในการสร้าง[ ศัตราวุธวิเศษ ] ซึ่งเมื่อเทียบกับ[ ศัตราวุธธรรมดา ]แล้วมันมีความแข็งแกร่งและความคงทนที่อยู่ในระดับสูงกว่ามาก
       
ความคมที่สามารถตัดได้แม้กระทั่ง[ ศัตราวุธวิเศษ ]คุณภาพสูง ซึ่ง เย่ชีเหวิน เองก็ยังคิดว่าใบมีดยาวของเขามีคุณภาพสูงมากกว่า[ ศัตราวุธวิเศษ ]ชิ้นอื่น ๆ เสียอีก เพราะมันไม่เคยมี[ ศัตราวุธธรรมดา ]ชิ้นไหนสามารถสร้างรอยขีดข่วนทิ้งเอาไว้บนใบมีดได้และถูกทำลายลงด้วยการโจมตีเพียง 1 ใบมีด อีกทั้งใบมีดยาวของเขายังได้ทำลาย[ ศัตราวุธวิเศษ ]มาแล้วมากมาย แม้แต่ในครั้งนี้ใบมีดของเขาก็ยังสามารถทำลายได้แม้กระทั่ง[ ศัตราวุธวิญญาณ ] ทั้งที่มันมิได้มีกลิ่นอายวิญญาณแพร่พรายออกมาจากใบมีดของเขา โดยปกติแล้ว[ ศัตราวุธวิญญาณ ]จะต้องมีกลิ่นอายวิญญาณแพร่พรายออกมาจากอาวุธ หากไม่มีมันก็เป็นเพียงได้แค่[ ศัตราวุธธรรมดา ]หรือ[ ศัตราวุธวิเศษ ]เท่านั้น ซึ่ง เย่ชีเหวิน ก็ได้คาดคิดไว้แล้วว่าใบมีดของเขามั่นเหมาะที่จะเป็น[ ศัตราวุธวิเศษ ]
       
แต่อย่างไรก็ตามการปะทะกันก่อนหน้านี้ใบมีดของเขาได้มีชัยเหนือ[ ศัตราวุธวิญญาณ ]อย่างสมบูรณ์และได้ทิ้งรอยแตกร้าวไว้ที่[กระบี่บินสองคม] แม้เขาจะมิสามารถคาดเดาความคมของมันได้หากแต่ด้วยการปะทะกันห่อนหน้านี้ มันได้แสดงให้เห็นถึงความพิเศษในใบมีดของเขาด้วยตาของเขาเอง
       
[กระบี่บินสองคม]ที่ได้มีรอยแตกร้าวจากการปะทะกัน มันแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นเป็นพิเศษของใบมีด เย่ชีเหวิน!
       
ฉับพลันความคิดได้แล่นขึ้นภายในจิตใจ ขุนนางหนุ่มผู้นี้แน่นอนว่ายังไปไม่ถึงใน[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และยังมิได้เปลี่ยน[ พลังปราณก่อเกิด ]ของตนให้กลายเป็น[ พลังปราณหยวนก่อเกิด ] เพราะหากมันเป็นเช่นนั้นแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้แน่ที่เขาจะจัดการกับ[ ศัตราวุธวิญญาณ ]
       
[ ศัตราวุธวิญญาณ ]จะสามารถสำแดงพลังอำนาจออกมาได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรือสูงกว่าเท่านั้น เพราะหากมีคนต้องการที่จะใช้มันแล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาจำเป็นต้องมีก็คือ[ พลังปราณหยวนก่อเกิด ] ซึ่งการที่จะมีพลังปราณนี้ได้จำเป็นที่จะต้องบรรลุ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ให้ได้เสียก่อนเพื่อที่จะเปรียบ[ พลังปราณก่อเกิด ]ให้กลายเป็น[ พลังปราณหยวนก่อเกิด ]จึงจะสามารถใช้[ ศัตราวุธวิญญาณ ]ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
       
หรือในอีกความเป็นไปได้คือ[กระบี่บินสองคม]นี้มิใช่[ ศัตราวุธวิญญาณ ]ที่แท้จริงแต่เป็น[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ] [ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]ที่มีคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ[ ศัตราวุธวิเศษ ]แต่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับ[ ศัตราวุธวิญญาณ ]ที่แท้จริง มันเป็นเพียงแค่อาวุธที่ได้ครอบครองส่วนหนึ่งของกลิ่นอายวิญญาณเท่านั้น จึงสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังอำนาจของ[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]มันอยู่ในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ[ ศัตราวุธวิญญาณ ]ที่แท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีข้อดีที่ว่ามันสามารถใช้งานได้ง่ายแม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่มีระดับการบ่มเพาะพลังที่ต่ำกว่า[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ก็ยังสามารถที่จะรีดเร้นประสิทธิภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่
       
นอกจากนี้[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]ก็ยังถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ที่มีเพียงแค่ 200 – 300 ศิษย์ในหมู่ศิษย์นับ 10,000 เท่านั้นถึงจะมีมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเป็นศิษย์ที่มีทรัพยากรมั่งคั่งเท่านั้นถึงจะสามารถซื้อมันได้
       
ฉับพลันขุนนางหนุ่มได้กระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ แม้ว่าศัตราวุธชิ้นนี้จะเป็นเพียง[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]แต่มันก็ยังคงเชื่อมจิตวิญญาณกับผู้ใช้ ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้ทำลาย[กระบี่บินสองคม]จนเกิดรอยร้าว มันก็ได้สร้างความเสียหายให้กับขุนนางหนุ่มผู้นี้โดยตรงจนถึงกับต้องกระอักโลหิตคำใหญ่ออกมา นอกจากนี้เขายังได้รับการโจมตีจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน มาอยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้อาการบาดเจ็บของเขานั้นทวีคูณมากขึ้นจนหมดสติไปในที่สุด
       
          “ ท่านขุนนางหนุ่ม! ” เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้ง 7 ต่างตะโกนร้องเรียก พวกเขามิคาดคิดเลยว่าแม้แต่[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]ของท่านขุนนางหนุ่ม ก็ยังมิอาจจัดการ เย่ชีเหวิน ลงได้และเพียงแค่ใบมีดยาวของ เย่ชีเหวิน ได้สับลงมันก็ได้ทำลาย[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]นั่นในทันทีเพียงแค่การฟัน 1 ใบมีด
       
เย่ชีเหวิน ได้ก้าวมายังด้านหน้าในขณะที่เขาจับจ้องไปที่ผู้ฝึกยุทธทั้ง 7 ด้วยสายตาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ “ ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครเป็นคนสั่งพวกเจ้ามาให้จัดการข้า ”
       
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
       
B1 : เป็นไงเหล่ามอบไป นอนแน่นิ่งไปดิ ไอ้ตัวประกอบ 2 ตอนครึ่ง ขนาดช่วงอธิบายศัตราวุธยังมีเนื้อหามากกว่า[ม.]อีก ไอ้จั๊ดง้าว
B2 : โมฮันกับงานประลอง ลัทธิปีศาจที่กำลังหวนคืน ขุนนางที่นอนแน่นิ่งกับคนสั่งการปริศนา อืมตอนนี้ 3 กระทงละปักธงรอไว้ได้เลย หลังจากนี้มันแน่!!!
B4 : รู้สึกสงสารลูกไก่ 7 ตัว จะโดนไปกับเขาด้วยไหม??
B1 : ไม่เหลือหรอกตอนหน้าไม่เหลือ เละ อย่างงี้มันต้อง เละเป็นขี้!!!
B3 : โคตรอยากซุกแผ่ดีหนี แม้งตัวร้ายกากยัน 120 ตอน
B1,B2 : 55555 ไอ้พวกกาก

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม