บทที่ 121 - ที่มั่นลัทธิมาร

เย่ชีเหวิน ได้ก้าวมายังด้านหน้าในขณะที่เขาจับจ้องไปที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 7 ด้วยสายตาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ “ ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครเป็นคนสั่งพวกเจ้ามาให้จัดการข้า ”

ในระหว่างการทดสอบการประเมินที่[ ดินแดนภูมิปีศาจมายา ] เย่ชีเหวิน ก็ได้คาดการณ์ไว้แล้วที่ถึงน่าจะเป็นว่าใครเป็นผู้ที่อยู่เบื้อง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิได้มีโอกาสที่จะยืนยันการคาดการณ์ของเขา ฉะนั้นแล้วในเวลานี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะสอบถามเพื่อยืนยันความมั่นใจว่าการคาดการณ์ของเขานั้นถูกต้อง

          “ นี่เจ้ากล่าวถึงเรื่องอะไร ไม่มีใครหน้าไหนสั่งพวกข้ามาทั้งนั้น ” ชายหนุ่มชุดคลุมจีนที่ยืนอยู่ระหว่างกลางพวกเขาทั้ง 7 ได้กล่าวออกมาในลักษณะโต้แย้ง
       
          “ มันเป็น ฮู้หยางเหิง ใช่หรือไม่? ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าของพวกเขาทั้ง 7 ต่างเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและตกตะลึงเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยินแต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น
       
แต่นั่นมันก็มากเกินพอแล้วสำหรับ เย่ชีเหวิน ที่จะยืนยันการคาดการณ์ของเขา!
       
          “ ดีในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดที่จะตอบ แม้ว่าข้าจะมิสามารถฆ่าพวกเจ้าที่นี่ได้ แต่ถ้าจะให้บดกระดูกของพวกเจ้าให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้วละก็นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน แม้ว่าเขาจะมีได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพวกเขาทั้ง 7 หากแต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะแสดงให้เห็นถึงความเมตตา หลังจากที่พวกมันทั้งหมดต่างเป็นลูกสมุนของบุคคลที่เป็นศัตรูของเขาอีกทั้งพวกมันทั้ง 7 ยังได้กระทำการขัดขวางเขาถึง 2 ครั้ง ถ้าเป็นบุคคลปกติทั่วไปพวกเขาทั้ง 7 คงได้ถูกสังหารไปแล้วในขณะนี้
       
ใบหน้าของพวกเขาทั้ง 7 ต่างซีดเซียวอย่างฉับพลัน หลังจากที่พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวและเจตนาฆ่าของ เย่ชีเหวิน นี่ก็นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่พวกเขาได้รับความกดดันจาก เย่ชีเหวิน อีกทั้งพวกเขายังตระหนักได้อีกว่าในตอนนี้พวกเขานั้นมิได้อยู่บน[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]แต่เป็นภายนอกของสำนักหลักยี่หยวน ซึ่งไม่มีทางไหนเลยที่พวกเขาจะสามารถหนีรอดไปจากเงื้อมมือของ เย่ชีเหวิน ได้
       
พวกเขามิได้คาดคิดเลยว่าตนจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้งและต้องพบกับความโหดเหี้ยมของ เย่ชีเหวิน
       
ซึ่งพวกเขาต่างรู้ดีว่า เย่ชีเหวิน มิได้เป็นคนที่จะแสดงให้เห็นถึงความเมตตาเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรู และพวกเขาที่ได้ขัดขวาง เย่ชีเหวิน ถึง 2 ครั้ง จึงทำให้พวกเขาเห็นชะตากรรมของตัวเองได้อย่างชัดเจนว่า เย่ชีเหวิน จะทำในสิ่งที่เขากล่าวเอาไว้อย่างแน่นอน
       
          “ ใช่แล้ว ใช่แล้ว มันคือศิษย์พี่ฮู้! ” และในเวลานั้นเองศิษย์ผู้หนึ่งก็มิสามารถทนต่อแรงกดดันและเจตนาฆ่าของ เย่ชีเหวิน ได้ จึงได้ปริปากกล่าวออกมาอย่างเสียงดัง
       
ฉับพลันสีหน้าของคนที่เหลือต่างหม่นหมองในทันที หลังจากที่ 1 ในพวกเขาได้เผยชื่อ ฮู้หยางเหิง ซึ่งเป็น 1 ในศิษย์หลักที่มีขุมพลังอำนาจใหญ่โตผู้หนึ่งและนับจากวันนี้เป็นตนไปพวกเขาคงจะอยู่ภายในสำนักหลักยี่หยวนได้อย่างยากลำบากขึ้นเป็นแน่!
       
แม้ว่า ฮู้หยางเหิง จะมิได้สนใจว่า เย่ชีเหวิน จะล่วงรู้ว่าเขาเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ แต่เขามีนิสัยที่เลือดเย็นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาอารมณ์ของเขา
       
เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องกลับไปหา ฮู้หยางเหิง แล้วล่ะก็ นอกจากจะมิได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้แล้วบางทีพวกเขาอาจถูกฆ่าตายในทันทีเลยเสียด้วยซ้ำ
       
แม้ว่าพวกเขาจะมิได้รับใช้ ฮู้หยางเหิง มาเป็นเวลานาน หากแต่พวกเขานั้นรู้ดีถึงความเลือดเย็นของ ฮู้หยางเหิง
       
แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้ เย่ชีเหวิน ได้บรรลุความต้องการของเขาแล้วจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องต่อรองกับผู้ฝึกยุทธทั้ง 7 อีก เขาได้หยิบ[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ]และก้าวเดินออกไป แม้ว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกแต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ นอกจากนี้มันยังคงเป็น[ ศัตราวุธวิญญาณเทียม ] แม้มันจะมีตำหนิแต่ก็ยังคงสามารถขายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ศิลาวิญญาณระดับกลาง
       
สีหน้าของผู้ฝึกยุทธทั้ง 7 ต่างอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ในขณะที่พวกเขาทำได้เพียงแค่ยืนมอง เย่ชีเหวิน ก้าวเดินออกไป ไม่มีพวกเขาคนไหนกล้าพอที่จะไล่ตาม เย่ชีเหวิน หลังจากที่ขุนนางหนุ่มที่ได้เดินทางมากับพวกเขาได้ถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสามารถทำเช่นไรได้
       
หลังจากที่ได้ลงมายังตีนเขา เย่ชีเหวิน ก็ได้ผิวปาก พร้อม[ นกกระเรียนหัวแดง ]ที่ได้บินโฉบลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดอย่างสวยงาม หลังจากที่มันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและเข้าใจในคำสั่งของ เย่ชีเหวิน ผ่านการเชื่อมโยงจิตใจ
       
หลังจากที่เรียก[ นกกระเรียนหัวแดง ] เย่ชีเหวิน ก็ได้กระโดดขึ้นไปบนหลังของมันและบินออกไปในทันทียังขอบฟ้าไกล
       
…………….
       
ลมหนาวโหมกระหน่ำในขณะที่ดวงตะวันสาดส่องเหนือศีรษะ กระแสลมพัดผ่านเป็นช่วง ๆ แต่มันเป็นกระแสลมที่แปลกเพราะทุกครั้งที่มันพัดผ่าน เป็นอันต้องเสียวสันหลังวาบเกือบทุกครา
       
สถานที่รกร้างที่เต็มไปด้วยพายุทรายและอีกาที่จิกกินลูกตาอยู่บนเถาวัลย์ที่พันกันยุ่งเหยิงบนต้นไม้
       
เย่ชีเหวิน เดินไปตามเส้นทางภารกิจที่เขาได้รับ ซึ่งมันควรที่จะมีหมู่บ้านอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากที่เขายืนอยู่ หากแต่เขากลับมิสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานชีวิตใด ๆ ได้เลยในบริเวณโดยรอบ นอกจากกลิ่นอายแห่งความตายที่ล่องลอยมาตามกระแสลม
       
ตามรายละเอียดภารกิจที่เขาได้รับมาจากสำนักหลักยี่หยวน ที่มั่นของพวก[ลัทธิมาร]สมควรที่จะตั้งอยู่ห่างไม่ไกลจากหมู่บ้านแถวนี้มากนึก นับจากที่ เย่ชีเหวิน กำลังเดินอยู่ในขณะนี้
       
แม้ว่าพวกศิษย์[ลัทธิมาร]จะเป็นมนุษย์ แต่การแสดงออกรวมไปถึงสันดารอันชั่วช้าของพวกมันเทียบเท่าได้กับพวกปีศาจโลกมาร เหล่าศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝน[เคล็ดวิชามาร]จากพวกปีศาจโลกมารที่ได้รุกล้ำเข้ามายังโลกเมื่อนานมาแล้วและได้ปลูกฝังเป้าหมายสูงสุดของพวกมันลงบนตัวของมนุษย์ แม้ว่าเหล่าศิษย์[ลัทธิมาร]จะมีกายเนื้อดั่งเช่นมนุษย์ หากแต่ก็ไม่สามารถนับว่าเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป ซึ่งมันสมควรที่จะเรียกพวกเขาว่าเป็นปีศาจแทนเสียมากกว่า
       
แต่ไม่ว่าจะมองไปยังที่แห่งหนใดในรอบรัศมี 1,000 กิโลเมตร เขาก็ไม่พบที่อยู่อาศัยของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ปกติแล้วการจะตรวจหามนุษย์นั้นมันย่อมต้องง่ายกว่าการตามหาพวกศิษย์[ลัทธิมาร]นับหลายเท่า นอกจากนี้พวกศิษย์[ลัทธิมาร]ยังใช้มนุษย์เป็นเครื่องมีในการบ่มเพาะพลังของพวกมันอีกด้วย เพราะมันจะทำให้การบ่มเพาะพลังของพวกมันนั้นรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
       
เย่ชีเหวิน ก้าวเดินต่อไปด้วยความรู้สึกระมัดระวัง เพราะสิ่งแรกที่เขาเห็นคือซากศพของคนที่นอนตายอยู่ที่พื้น ในขณะที่มีโลหิตทั้งสีแดงและดำได้ไหลบ่าออกมาจากร่างและซึมซับลงไปยังพื้นดินจนเหือดแห้ง บางก็ถูกฝูงนกฝูงการุมจิกกินร่างของศพที่เน่าแล้ว
       
เย่ชีเหวิน อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เพราะการกระทำของศิษย์[ลัทธิมาร]มันช่างดูโหดเหี้ยมและน่ารังเกลียดมากเกินไป แม้ว่าตัวเขาเองจะเคยสังหารผู้คนมาก่อน หากแต่นั่นมันเป็นเพราะว่าเขาได้รับการยั่วยุและสถานการณ์มันบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น และแน่นอนว่าเขาไม่เคยเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เฉกเช่นชาวบ้านธรรมดาสามัญมาก่อน
       
ซึ่งเพียงแค่มองไปยังสภาพของซากศพที่น่าอนาถเหล่านี้ มันถึงกับทำให้ เย่ชีเหวิน อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกตะลึงกับภาพที่น่ากลัวเช่นนี้
       
เมื่อเหล่าฝูงนกได้เห็น เย่ชีเหวิน มันก็ได้กระพือปีกขึ้นอย่างฉับพลันและบินวนไปรอบ ๆ หลังจากที่นกพวกนี้ได้ดูดซับ[ พลังปราณหยิน ]จากซากศพในจำนวนที่มากเกินไป แกนกลางภายในร่างกายของพวกมันจึงค่อย ๆ เริ่มกลายเป็นแกนกลางของสัตว์ปีศาจ
       
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าพวกมันจะได้กลายเป็นสัตว์ปีศาจ หากแต่พวกมันก็ได้หาเป็นคู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ไม่ [ พลังปราณใบมีด ]ได้ถูกปล่อยออกไปในจำนวนที่นับไม่ถ้วนอย่างไร้ความปรานี ฉับพลันทันทีที่พวกมันได้พบกับพลังอันมหาศาลของ[ พลังปราณใบมีด ] เย่ชีเหวิน พวกมันก็ได้กรีดร้องออกมาอย่างน่าส่งสารด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่พวกมันจะถูกแบ้งออกเป็นชิ้น ๆ กลางอากาศโดยไร้เส้นทางหลบหนี
       
เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้สังเกตที่ศพเขาก็ได้ค้นพบว่าที่บริเวณศีรษะของศพนั้นมันเต็มไปด้วยรอยกรงเล็กแดงลึก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ว่ามันจะดูดพลังวิญญาณและก็โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างของศพออกไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าเหตุใดผู้คนส่วนใหญ่ในโลก[ การต่อสู้ที่แท้จริง ]ถึงรับไม่ได้กับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้
       
เย่ชีเหวิน ก้าวเท้าวิ่งออกไปและฟาดฟันใส่ฝูงนกที่รุมจิกกินซากศพในสายตาของเขา พวกมันทั้งหมดต่างแตกตื่นจากการปรากฏตัวขอ เย่ชีเหวิน แต่ต่อให้พวกมันกลายเป็นสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งมากกว่าที่พวกมันเป็นอยู่ในตอนนี้ พวกมันก็ยังไม่อาจกลบหนีไปจากใบมีดที่เกรี้ยวโกรธของ เย่ชีเหวิน ได้อยู่ดี
       
          “ เจี่ย เจี่ย เจ้ามนุษย์จงตายเสีย ” ฉับพลัน เย่ชีเหวิน ได้มีเสียงแหลมคมเจาะหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขาพร้อมกับเสียงหัวเราะอันแหบแห้ง กรงเล็บโลหิตขนาดใหญ่พุ่งตรงมาจากด้านหลังของเขา
       
ทันทีเมื่อเห็นว่ามีกรงเล็บโลหิตขนาดใหญ่พุ่งตรงมาจากทางด้านหลัง เย่ชีเหวิน ก็ได้รีบกระโดดหลบถอยห่างออกไปนับหลายก้าวในทันที เมื่อ เย่ชีเหวิน สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เขาก็ได้เห็นบุคคลร่างผอมที่ยืนห่างออกไปจากตัวเขานับ 10 เมตร พร้อมกรงเล็กโลหิตที่เจาะไปที่พื้นดินจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
       
เย่ชีเหวิน มองว่าการโจมตีในครั้งนี้นั้นมันมีในลักษณะที่แปลกซึ่งคล้ายดุจเป็นการโจมตีของเงา นอกจากนี้พวกมันยังมีอยู่ด้วยกันถึง 3 คนและแต่ก็คนก็ล้วนแล้วแต่ใส่เสื้อชุดคลุมสีดำและมีกรงเล็กโลหิตขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากแขนเสื้อของพวกมัน ซึ่งกรงเล็บพวกมันได้บ่งบอกให้เห็นถึงบรรยากาศที่เป็นอันตรายรอบ ๆ ตัวมัน อีกทั้งมันยังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอาจของโลหิต
       
          “ เด็กน้อยข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจริงจะสามารถหลบการโจมตีของข้าได้ ” 1 ในพวกมันที่มีรูปลักษณะคล้ายเงากล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
       
          “ ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดคนฆ่าชาวบ้านพวกนี้คือฝีมือของพวกเจ้า ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้ายน้ำเสียงที่เยือกเย็นและจับจ้องไปที่ 1 ในรูปเงา
       
          “ ใช่แล้วมันคือฝีมือของพวกข้า พวกปุถุชนผู้โง่เขลาเหล่านี้พวกมันก็เป็นได้เพียงแค่แหล่งบ่มเพาะพลังของพวกข้าเท่านั้น ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเกียตริมากพอแล้วสำหรับพวกมันที่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกข้า ” 1 ในรูปเงากล่าวตอบเสียงดัง
       
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
       
B1 : ได้แค่ตอนหน้าตอนเดียวเท่านั้นแหละ[ม.]อะ
B2 : 555555 [ม.]แหยมผิดคนแล้ว
B4 : บทนี้ขอไม่ออกความคิดเห็น
B3 : zzZ!!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

8 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม