บทที่ 122 - ศิษย์หลัก

          “ ใช่แล้วมันคือฝีมือของพวกข้า พวกปุถุชนผู้โง่เขลาเหล่านี้พวกมันก็เป็นได้เพียงแค่แหล่งบ่มเพาะพลังของพวกข้าเท่านั้น ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเกียตริมากพอแล้วสำหรับพวกมันที่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกข้า ” 1 ในรูปเงากล่าวตอบเสียงดัง"แม่นยำผมหันปุถุชนโง่เหล่านั้นลงในวัสดุการปฏิบัติโดยแยกพลังของพวกเขา แน่นอนมันเป็นพรอายุการใช้งานสำหรับพวกเขา "นั่นเงาแปลกตอบด้วยเสียงอันดัง

          “ เจี่ย เจี่ย ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญทักษะยุทธ์มายังสถานที่แห่งนี้ ฮะฮ่าฮ่าฮ่าและดูเหมือนว่าเจ้าจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองมากเลยสินะถึงได้กล้ามาเพียงลำพังเช่นนี้ ถ้าข้าคาดไม่ผิดเจ้าคงจะมาช่วยเหลือชาวบ้านผู้โง่เขลาพวกนี้ใช้หรือไม่ ดีงั้นข้าจะดูดพลังของเจ้าและทำให้เจ้าตกอยู่ในสภาพเฉกเช่นเดียวกับพวกมัน! ” หลังจากที่ 1 ในเงามืดกล่าวเสร็จ ก็ได้มีเสียงหัวเราะที่แอบแฝงไปด้วยความชั่วร้ายนับหลายเสียงดังขึ้นจากทั่วทุกมุม

          “ ฮ่า ๆ หลังจากที่ได้ดื่มโลหิตและกัดกินหัวใจของเจ้าหนุ่มนี่แล้ว ชายชราผู้นี้คงสามารถก้าวผ่านไปยังระดับขั้นต่อไปได้เป็นแน่ ”

          “ เร็วรีบจัดการเจ้าหนุ่มนี่ ข้าต้องการที่จะกินหัวใจของมัน ”

ในขณะนั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็ได้เห็นผ่านหลายเงาที่ปรากฏตัวออกมาจากทั่วทุกทิศทาง ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนแต่งกายในชุดคลุมสีดำ อีกทั้งพวกมันแต่ละคนยังปล่อยเจตนาฆ่าที่รุนแรงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวเหมือนกับว่าพวกมันได้ดักซุ่มรอที่โจมตีผู้ที่ผ่านมาเช่นเขาอยู่เป็นระยะเวลานานแล้ว

ความรังเกียจที่ฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจของ เย่ชีเหวิน เริ่มค่อย ๆ ถูกฉายออกมาผ่านสายตาของ เขาไม่เคยที่จะรู้สึกรังเกียจเลยสำหรับพวกฆาตกรที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์และชาวบ้านที่ไร้ทางสู้ หากแต่มันเปรียบเสมือนเป็นคนละเรื่องกันเลยเมื่อเทียบกับพวกปีศาจเฒ่าพวกนี้ พวกมันได้ปฏิบัติต่อชาวบ้านราวกับพวกเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเพียงสัตว์ชั้นต่ำที่พวกมันจะเข่นฆ่าหรือปู้ยี้ปู้ยำเช่นไรก็ได้ตามที่พวกมันต้องการ พวกศิษย์ลัทธิมารมันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว พวกมันคือปีศาจในคราบมนุษย์ที่สูญสิ้นศีลธรรมไปนานแล้ว

          “ เป็นเพียงแค่ปีศาจแต่อย่าบังอาจทำเป็นได้ใจให้มันมากนัก ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปากพร้อมพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วที่ราวเหมือนกับลูกกระปืนใหญ่ที่ถูกยิ่งออกจากปากกระบอก พื้นดินบริเวณรอบรอยเท้าของเขาได้แตกออกคลายดั่งลักษณะของใยแมงมุมขาดใหญ่ ร่างที่พุ่งทะยานออกไปพร้อมด้วยใบมีดในมือได้ฟาดฟันเข้าใส่ร่างเงาที่กำลังพุ่งสวนเข้ามาอย่างพอดิบพอดี

          “ ตึม! ” ปีศาจเฒ่า ถูกแบ่งครึ่งในทันที เพียง 1 ใบมีดของ เย่ชีเหวิน

          “ หนอยไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้าบังอาจกล้าฆ่าคนของข้า ฆ่า ฆ่ามันอย่าปล่อยให้มันหนีรอดกลับออกไปได้! ” ศิษย์ลัทธิมารต่างส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวและแรงกดดันได้ถูกปล่อยออกมาจากร่างของพวกมัน
       
ฉับพลัน เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ในทันที ว่าการบ่มเพาะพลังของปีศาจแต่ล่ะตนนั้นล้วนอยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] อีกทั้งพวกมันทั้งหมดยังได้ฝึกฝน[ เคล็ดวิชามาร ] ที่ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาการต่อสู้ทั่วไปแล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกมันทั้งหมดล้วนเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญทักษะยุทธ์[ ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นอกจากนี้การที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันหลายคนในคราเดียวอาจเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วในครานี้ หากพลาดท่ามีสิทธิ์ตาย
       
เย่ชีเหวิน ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกวัดแกว่งใบมีดยาวออกไปอย่างต่อเนื่อง ประกายแสงได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากใบมีดและกระจายตัวออกไปอย่างหนาแน่นทำให้การโจมตีในครั้งนี้กลายเป็นการโจมตีในวงกว้างไม่เจาะจง เหล่าปีศาจที่ไม่สามารถหลบการโจมตีใบมีดประกายแสงได้พ้นก็จบลงด้วยการที่เสื้อคลุมของพวกมันถูกทำลายและเผยให้เห็นใบหน้าอันดำมืดดุจก้อนถ่านของพวกมัน อีกทั้งทั่วร่างกายของพวกมันยังถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาทึบจำนวนมากเฉกเช่นเดียวกับพวกปีศาจ จึงอาจกล่าวได้ว่านี่คือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ของเหล่าผู้ที่ฝึกฝน[ เคล็ดวิชามาร ] ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมสภาพร่างกายของตนได้ก็จะก่อให้เกิดสภาวะเกล็ดที่เพิ่มขึ้นตามตัวจนมันได้เข้ามาแทนที่ผิวหนังไปในที่สุด
       
อย่างที่ทราบกันดีว่า[ เคล็ดวิชามาร ]ได้ถูกถ่ายทอดโดย[ มารจากยมโลก ] ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ได้รับฝึกฝน[ เคล็ดวิชามาร ]มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพร่างกายของมันผู้นั้นจากมนุษย์ให้กลายเป็นปีศาจไปอย่างช้า ๆ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะสร้างความเจ็บปวดและความทรมานเป็นอย่างมากกับผู้ใช้ มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องเท่านั้นจึงจะสามารถคงสภาพมนุษย์เอาไว้ได้และส่วนมนุษย์ที่ถูกกล่าวขานว่าปีศาจ คือผู้ที่ได้ล้มเหลวในการฝึกฝน[ เคล็ดวิชามาร ]เฉกเช่นเดียวกับปีศาจเฒ่าพวกนี้ พวกมันได้ล้มเหลวในการฝึกฝนเคล็ดวิชาจึงเป็นผลให้พวกมันต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้และเป็นเพราะความล้มเหลวนี้จึงทำให้ชั่วชีวิตของพวกมันไม่มีทางที่จะบุกผ่าน[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ไปยังระดับขั้นต่อไปได้
       
แน่นอนว่า[ เคล็ดวิชามาร ]ถือเป็นเคล็ดวิชาที่มีการฝึกฝนที่ยากลำบากและโหดร้าย แต่มันก็ช่วยให้มีพัฒนาการที่ดีและมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมต้องมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงและผลข้างเคียงที่รุนแรง จนร่างกายของพวกเขาอาจต้องกลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ แต่ถ้าหากมีความระมัดระวังในการฝึกฝน มันก็อาจช่วยให้พวกเขารอดพ้นไปจากชะตากรรมอันเลวร้ายนั่นได้ ส่วนผู้ที่ซึ่งกลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจไปแล้ว พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเข่นฆ่ามนุษย์เพื่อดูดซับพลังชีวิตและกัดกินหัวใจเพื่อความอยู่รอดของตน เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น[ พลังปราณปีศาจ ]ที่อยู่ภายในร่างของพวกเขามันจะระเบิดออกและฆ่าพวกเขาในที่สุด
       
มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับการสืบทอดโดยตรงจากพวกชนชั้นสูงเท่านั้น จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการฝึกฝน[ เคล็ดวิชามาร ]สูงมากกว่าผู้ใด
       
เหล่าปีศาจเฒ่าผู้โหดเหี้ยมและกระหายเลือดต่างจับจ้องมาที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกต้องการที่จะสูบเลือดสูบเนื้อออกมาจากร่างกายของเขา ดวงที่แดงกล่ำดุจโลหิตของพวกมันต่างฉายแววถึงความรู้สึกโลภออกมาอย่างชัดเจน

          “ ตูม! ” กรงเล็บของปีศาจเฒ่าได้พุ่งตรงไปยัง เย่ชีเหวิน ชั้นบรรยากาศโดยรอบต่างแยกออกเป็นทาง อีกทั้งกลิ่นอายคาวเลือดที่แพร่กระจายอยู่บริเวณโดยรอบ ยังเริ่มคุกคามต่อชีวิตของ เย่ชีเหวิน มันได้เกาะกลุ่มกันจนหนาแน่นมากขึ้นและหมายจะพันธนาการร่างของเขาเอาไว้

          “ ปัง! ” เย่ชีเหวิน ได้ฟาดฟันใบมีดยาวของเขาออกไปปะทะเข้ากับกรงเล็บของปีศาจเฒ่าโดยตรง เสียงปะทะกันของโลหะได้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ มีความเป็นไปได้ว่าปีศาจเฒ่าพวกนี้ได้เปลี่ยนฝ่ามือของตนเองให้กลายเป็น[ ศัตราวุธจิตวิญญาณ ]ซึ่งมันเป็นการกระทำของพวกที่มีสภาพจิตใจผิดเพี้ยนอย่างเห็นได้ชัด ที่ไม่สนแม้กระทั่งการดัดแปลงกายเนื้อของตนเองเช่นนี้
       
เย่ชีเหวิน ถอยห่างออกไปนับหลายก้าว ในขณะที่ฝ่ามือของเขายังคงร่ายรำใบมีดยาวจนก่อให้เกิดเป็นม่านเงาใบมีดแพร่กระจายออกไปทั่วทิศทาง ซึ่งมันบังคบให้พวกปีศาจเฒ่าต้องถอยร่นกลับไป หากมีเพียง 1 เย่ชีเหวิน คงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้ การที่พวกมันมีจำนวนมากเกินไปทำให้การจะจัดการพวกมันในคราเดียวนั้นกลายเป็นเรื่องยากและกินเวลายาวนานมากขึ้น
       
แม้ว่าปีศาจเฒ่าพวกนี้จะเป็นเพียงแค่[ จุดสูงสุดระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่เพียงแค่อาศัยอำนาจของ[ เคล็ดวิชามาร ]ก็ทำให้พวกมันมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดพวกมันถึงได้กระทำตัวโอหังในด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน
       
          “ มังกรแผลงกาย! ” ปีศาจเฒ่าที่ชนเข้ากับม่านเงาใบมีดต่างถูกสับออกเป็น 2 ส่วน แต่มันก็ยังมีปีศาจอยู่ตนหนึ่งที่ใช้โอกาสนี้ในการลอบโจมตี เย่ชีเหวิน หากแต่ เย่ชีเหวิน หาใช่บุคคลที่จะยืนอยู่นิ่งๆและยอมให้อีกฝ่ายโจมตีไม่ เขาได้เรียกใช่ฝ่ามือ[ มังกรแผลงกาย ]และหันการโจมตีเข้าใส่ปีศาจเฒ่านั่นในทันที
       
เย่ชีเหวิน สามารถรู้สึกได้ถึงกระแสพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างและมันกำลังเคลื่อนไหวไปมา ในขณะที่ฝ่ามือของเขาได้กลายเป็นกรงเล็บสีฟ้าสดใสราวกับกรงเล็บของมังกร สภาพแวดล้อมโดยรอบต่างมืดครึ้มอย่างฉับพลันพร้อมปรากฏแสงสีฟ้าสดใส่พุ่งตรงเข้าใส่และคว้าจับร่างกายของปีศาจเฒ่าเอาไว้ โดยที่ปีศาจเฒ่าตนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะได้หลบหนีเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของมันถูกคว้าจับโดยกรงเล็กสีฟ้าของมังกรที่ถูกสร้างขึ้นโดยพลังปราณ

เย่ชีเหวิน ใช้เพียงแค่ความคิดพร้อมกับกำมือแน่น “ ปัง! ” ร่างของปีศาจเฒ่าระเบิดออกจนกลายเป็นเศษเนื้อในทันที เย่ชีเหวิน ได้รับการฝึกฝนกระบวนท่า[ มังกรแผลงกาย ]มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ] ซึ่งมันมิได้เพิ่มขึ้นเพียงแค่พลังอำนาจเท่านั้น หากแต่เขายังสามารถเรียกมังกรออกมาเมื่อใดก็ได้ยามที่เขาต้องการ อีกทั้งเขายังสามารถควบคุมมันได้อย่างใจนึกรวมไปถึงกระทั่งเปลี่ยนบางส่วนในร่างกายของเขาให้กลายเป็นมังกร

เย่ชีเหวิน ได้สังหารปีศาจเฒ่าไปแล้วถึง 2 ตน ซึ่งมันช่วยลดความกดดันให้กับเขาได้เป็นอย่างมาก หากแต่การโจมตีก่อนหน้ามันก็ทำให้เขาต้องสูญเสีย[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 10% หากการโจมตีครั้งต่อไปเขาจำเป็นที่ต้องใช้พลังโจมตีออกมาอย่างเต็มที่ เขาก็สามารถทำมันได้เพียงแค่ 8 ครั้งเท่านั้นในขณะที่พวกมันนั้นมีมากกว่า 8

ภายในใจของ เย่ชีเหวิน มิได้ต้องการเลยที่จะต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาในตอนนี้ต้องการที่จะออกไปจากกับดักของพวกปีศาจเฒ่านี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาในตอนนี้มิได้มีความลังเลใจใด ๆ อีกต่อไป จึงได้ตัดสินใจผิวปากเพื่อเรียก[ นกกระเรียนหัวแดง ] ฉับพลันก็ได้ปรากฏร่างเงาของนกบินตรงเข้ามาจากสถานที่อันห่างไกล

แต่ทว่าในขณะนั้นเองก็ได้มีเสียงกระพือปีกจากนกอีกชนิดหนึ่งสอดแทรกเข้ามาและเงาของมันนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากล่อนลงมาจากท้องฟ้า มันคือ[ นกปีศาจอินทรียักษ์ ]ที่มีขนาดใหญ่กว่า[ นกกระเรียนหัวแดง ]ของ เย่ชีเหวิน อยู่เป็นเท่าตัว ซึ่งด้วยกรงเล็บของมันที่มีขนาดใหญ่มาก มันสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ตัวไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่พวกเขามิสามารถป้องกันการโจมตีจากกรงเล็บของมันได้เลย

และผู้ที่ยืนอยู่ด้านบนของนกปีศาจร่างยักษ์ตัวนี้ก็คือชายหนุ่มที่มีอายุราว 20 ปีและสวมชุดแต่งกายที่โดดเด่นสมกับเป็นจอมยุทธ์ อีกทั้งในมือของเขายังคงถือกระบี่ 2 คมที่มีทั้งกลิ่นอายและแรงกดดันที่รุนแรงจนมันพุ่งทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า

          “ เจ้าประมาทมากเกินไปที่คิดจะเผชิญหน้ากับเจ้าพวกชั่วช้านี่เพียงลำพัง ภารกิจนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถจัดการได้แต่เพียงผู้เดียว! ” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังในขณะที่บรรยากาศโดยรอบก็กระจายตัวออกในทันทีด้วยเสียงตะโกนของเขา

          “ มีมนุษย์เพิ่มมาเยี่ยงนี้ก็หมายความว่ามีอาหารมากกว่าหนึ่ง ฮะฮ่าฮ่าฮ่า ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่าเจ้าพวกนี้จะมีระดับการบ่มเพาะพลังที่สูงไม่น้อยอีกเสียด้วย ” เหล่าปีศาจเฒ่าต่างกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ

แต่ยังไม่ทันที่เสียงหัวเราะจะสิ้นสุด 1 ก็ถูกเสียงทะลุอย่างฉับพลันโดยกระบี่ที่มีกลิ่นอายอันน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัว ซึ่งมันผู้นั้นก็ได้ตกตายลงในทันที

          “ ช่างเป็นการกระทำที่ประมาทเลินเล่อเสียจริง ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน เห็นสัญลักษณ์ที่แขนเสื้อของชายหนุ่มเขาก็รู้สึกผ่อนคลายในทันที เพราะมันเป็นตราสัญลักษณ์ของศิษย์สำนักยี่หยวน

          “ พวกเราถอยตั้งหลักมันเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรืออาจสูงกว่านั้น! ” เหล่าปีศาจเฒ่ามิได้โง่เขลา พวกมันสามารถรับรู้ได้ในทันทีต่อการโจมตีก่อนหน้านี้ของชายหนุ่มและพวกมันในตอนนี้ก็ได้กระจายตัวออกไปทั่วทุกทิศทางเพื่อหมายจะหลาบหนี

ชายหนุ่มสะบัดกระบี่พลันปรากฏ[ พลังปราณกระบี่ ]ถูกปล่อยออกมาจากตัวมัน และพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง ด้วยความเร็วของมันไม่มีเวลามากพอเลยสำหรับพวกปีศาจที่คิดจะหลบหนี ปีศาจเฒ่ากว่า 11 ตนได้ถูกตัดแบ่งครึ่งภายในชั่วพริบตาและตายลงในทันทีด้วย[ พลังปราณกระบี่ ]ที่แสนน่ากลัว

ก่อนหน้า ปีศาจพวกนี้ทำตัวเย่อหยิ่งมากเมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับ เย่ชีเหวิน หากแต่พวกมันกลับถูกฆ่าตายลงในทันทีเมื่อพวกมันได้เผชิญหน้ากับเขา

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ไงละเจอของจริง
B2 : พี่เหวิน[ก.]ยังไม่เอาจริงเท่านั้นแหละ
B3 : ไม่เอาจริงหรือกากกันแน่ เห็นชัด ๆ ว่ากำลังจะหนี โธ่…ถุย
B2 : พี่เหวินอาจกำลัง แต่ไอ้ปีศาจเฒ่าของ[ม.]อะหนีเลย
B1 : ใช่แล้วไอ้พวกกาก
B3 : โธ่ถ้าไม่ได้คนอื่นช่วยก็ตายห่าไปแล้ว นกอะลงมาไม่ทันหรอก ตายก่อน เพ้อ ๆ เดี้ยวฆ่านกโชว์ด้วยจะได้ไม่มีโอกาสหนี
B1,B2 : อย่าพูดอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยดีกว่านั้น ฟันแล้วมันน่าสมเพช
B3 : = =*
B4 : ขอให้เหล่าชาวบ้านจงไปสู่สุขติด้วยเถอะสาธุ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน


คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม