บทที่ 124 - ตกหลุมพราง

พวกเขาต่างถือเป็นศิษย์ชั้นยอดของสำนักยี่หยวน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนมิใช่บุคคลธรรมดา ทุกย่างก้าวของพวกเขาต่างเป็นไปอย่างรวกเร็ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาได้ตัดสินใจรับภารกิจในการลอบโจมตีองค์ชาย โมเหยียน พวกเขาก็ได้กระทำการอย่างรวดเร็วและเตรียมการเอาไว้อย่างดีเยี่ยมที่สุด เนื่องด้วยว่าองค์ชาย โมเหยียน นั้นมิใช่บุคคลธรรมดาและระดับภารกิจในครั้งนี้นั้นก็ถือได้ว่ามีความเสี่ยงที่สูงมาก

พวกเขาทั้งหมดต่างนั่งลงและปิดตาเพื่อทำสมาธิ แม้แต่ เย่ชีเหวิน ก็มิมีข้อยกเว้น พวกเขาได้นั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่บางก็นั่งอยู่บนยอดไม้และกิ่งไม้เพื่อขัดเกลาสมาธิ หากแต่ เย่ชีเหวิน นั้นกลับเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ภายใน[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขา ทุกลมหายใจล้วนแสวงหาถึงความก้าวหน้าของเคล็ดวิชา ก่อนที่แผนการลอบโจมตีองค์ชาย โมเหยียน จะเริ่มขึ้น

สำหรับคนอื่น ๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะมีความก้าวหน้าขึ้นภายในช่วงระยะเวลาอันสั่น หากแต่กรณีของ เย่ชีเหวิน นั้นมันแตกต่างกัน เพราะเขาได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอยู่ตลอกเวลาในช่วงทุกลมหายใจ ทั้งความแข็งแกร่งและระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นได้เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วันอย่างต่อเนื่อง
         
ปัจจุบัน เย่ชีเหวิน เป็นเพียงแค่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และเพียงแค่รอโอกาสเท่านั้นที่เขาจะสามารถตัดผ่านไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นสภาพร่างกายของเขาจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย[ พลังปราณก่อเกิด ]จำนวนมาก อีกทั้งมันยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถผันแปรไปเป็น[ พลังปราณหยวน ] ซึ่ง[ พลังปราณหยวน ]ถือเป็นพลังปราณระดับสูง เมื่อยามที่ลมปราณภายในร่างกายได้แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นของเหลวยามนั้นมันก็จะกลายเป็น[ พลังปราณหยวน ]

เมื่อเทียบวัดกับพลังปราณทั่วไปแล้ว[ พลังปราณหยวน ]ถือว่ามีพลังอำนาจมากกว่านับหลายเท่า หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จในการผันแปร[ พลังปราณหยวน ]ทั้งความแข็งแกร่งทางร่างกายและระดับการบ่มเพาะพลังจะบรรลุไประดับดินแดนใหม่ที่ห่างไกลเกินกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]จะสามารถจินตนาการได้

หาก เย่ชีเหวิน สามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และเริ่มผันแปรพลังปราณภายในร่างให้กลายเป็น[ พลังปราณหยวน ] ความแข็งแกร่งของเขาจะสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

หลังจากที่ม่านขอบฟ้าได้ดับมืด เหล่าศิษย์ได้ยับยั้งลมหายใจของตนและหลบซ่อนอยู่ภายในป่าเพื่อเตรียมความพร้อมในการลอบโจมตีองค์ชาย โมเหยียน หากพวกเขามิระวังมันจะเป็นพวกเขาเสียเองที่ถูกค้นพบโดยศัตรู และในหมู่พวกเขามีเพียงแค่ เย่ชีเหวิน เท่านั้นที่ได้ลบตัวตนออกไปอย่างสมบูรณ์ด้วยความสามารถของเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]ที่เขาได้ฝึกฝนจนมาถึงใน[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ] ซึ่งด้วยความสามารถนี้เองการหลบซ่อนหรืลบตัวตนออกไปจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขา

แสงจันทร์สลัว ๆ สาดส่องไปทั่วทั้งพื้นป่าและในสถานที่อันห่างไกลก็ได้มีเสียงคำรามของพวกสัตว์ปีศาจ

ฉับพลันเหล่าศิษย์ทั้งหมดของสำนักยี่หยวนต่างเปิดตาขึ้นและความประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา เพราะในขณะนี้พวกเขาทั้งหมดสามารถรู้สึกถึงกองกำลังขนาดใหญ่ของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]ที่มีมากกว่าหลายร้อยตนเดินทางผ่านมาตามเส้นทางบนท้องถนน

ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่เคร่งขรึมและสายตาของพวกมันต่างแฝงไปด้วยความชั่วร้ายและน่าหวาดกลัว

          “ นี่ไม่ดีแน่ทุกคนโปรดระวัง! ” จูเก้อชิงลี่ ตะโกนกล่าวเตือนทุกคน

แต่ในขณะนั้นเองในกลุ่มของพวกเหล่า[ศิษย์ลัทธิมาร]ก็ได้เริ่มกระทำการบางอย่างที่ด้านหลังของกลุ่ม เหล่าผู้ติดตามได้รวมตัวกันและนั่งลงเป็นวงกลมล้อมลอบขนาดใหญ่บนพื้นดิน ฉับพลันมันก็ได้ปรากฏตราสัญญาลักษณ์ดาว 5 แฉกขึ้น [ พลังปราณวิญญาณ ]ได้หมุนเวียนอยู่ภายในบริเวณโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง

ภารใต้พิธีกรรมของพวกผู้ติดตามก็ได้ปรากฏ[ พลังปราณวิญญาณ ]จำนวนมากพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็นฝนลูกศรธนูบนบังดวงจันทร์

          “ หวืบ! หวืบ! หวืบ! ”

เสียงโหยหวนเจาะหูของฝนลูกศรธนูนับไม่ถ้วนล่วงหล่นมาจากท้องฟ้า

เหล่าใบหน้าของศิษย์สำนักยี่หยวนพลันซีดขาวลงในทันที เมื่อยามที่พวกเขาแหงนหน้าขึ้นมองบนกลับพบลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาทางพวกเขา หากไม่ระวังเกรงว่าพวกเขาคงจะกลายเป็นเม่นเป็นแน่ ที่สำคัญลูกศรเหล่านี้ล้วนมิใช่ลูกศรธรรมดา แต่มันเป็นลูกศรที่ทำขึ้นจาก[ พลังปราณวิญญาณ ] ซึ่งหากโดนมันเข้าอาจก่อให้เกิดบาดแผลที่รุนแรงและอาจถึงตายได้หากมันถูกยิงโดยผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

          “ ไอ้ลูกหมา ทำไมมันถึงได้มีมากเช่นนี้ ไอ้พวก[ศิษย์ลัทธิมาร]ระยำเอ้ย ” เสี่ยวจิน สบถออกมาดัง ๆ แล้วเหวี่ยงฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อปัดลูกศรที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา ทันที่สัมผัสเข้ากับลูกศรที่ทำจาก[ พลังปราณวิญญาณ ]ก็ได้ก่อให้เกิดเสียงที่ดังสนั่นขึ้น

          “ ให้ตายเถอะ! ” * ฉิ๋ง * เย่ชีเหวิน ได้ชักใบมีดของเขาออกมาและฟาดฟันออกไปจนกลายเป็นพลังม่านใบมีดตัดลูกศรที่กำลังเข้ามาจนมันระเบิดกลางอากาศเพื่อปกป้องร่างกายของเขา ในเวลานี้เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ]ของเขานั้นได้บรรลุในระดับดินแดนที่สมบูรณ์แล้ว

การจะจัดการกับเหล่าจอมยุทธ์จำนวนมากที่มีระดับการบ่มเพาะพลังที่ต่ำกว่า เคล็ดวิชาใบมีดของเขาถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเคล็ดวิชาใบมีดของเขานั้นมีความมั่นเหมาะที่จะเอามาไว้ใช้เผชิญหน้ากับศัตรูที่มีมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เหมาะที่จะเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะยาว

แต่อย่างไรก็ตามศิษย์คนอื่น ๆ นั้นมิได้รับมือได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับ เย่ชีเหวิน เหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ต่างต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดห่าฝนลูกศรที่กำลังพุ่งเข้ามา และด้วยพลังอำนาจของพวกเขาจึงมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ

แม้ว่าประสิทธิภาพของพวกเขาจะมิสามารถเทียบอะไรได้เลยกับเคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ]ของ เย่ชีเหวิน และมิได้มีเคล็ดวิชาที่มีไว้เพื่อสังหารโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้เป็นกลุ่มขนาดใหญ่เช่นนี้ หากแต่พวกเขาก็ยังคงสามารถปกป้องตนเองได้และเมื่อร่วมกลุ่มกันพวกเขาก็ยังคงมีความสามารถมากพอที่จะต่อต้านอีกฝ่าย หากแต่ด้วยความสามารถของพวกเขามันมิอาจเทียบอะไรได้เลยกับเคล็ดวิชาการต่อสู้ของ จูเก้อชิงลี่ และศิษย์ฝ่ายหลักอีก 3 คน นอกจากพวกเขาจะสามารถปกป้องตนเองจากลูกศรได้แล้ว พวกเขายังคงสามารถปกป้องผู้ที่อยู่บริเวณโดยรอบของพวกเขาได้อีกด้วย

          “ ฆ่าไอ้พวกบัดซบนี่เสีย! ” จูเก้อชิงลี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และร่างกายของเขาที่ดูเหมือนดั่งเช่นราวกับสายฟ้าที่พุ่งทะยานขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าในขณะที่กระบี่ที่อยู่ในฝ่ามือของเขาได้ฟาดฟันออกไป เพียงพริบตาก็ปรากฏประกายแสงรูปร่างมังกรแพรวพราวสว่างจ้า ที่ไม่ทราบว่าโผล่ออกมาจากที่แห่งหนใดพุ่งตรงเข้าใส่เหล่า[ศิษย์ลัทธิมาร]อย่างไร้ความปราณี

เหล่า[ศิษย์ลัทธิมาร]ที่เป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นที่ 4 และ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]มิอาจต้านทานพลังโจมตีที่แสนน่ากลัวนี้ได้ ร่างกายของพวกมันถูกแบ่งครึ่งในทันทีโดยมิอาจต้านทาน เลือดของพวกมันสาดกระเซ็นไปทั่วชั้นบรรยากาศและเสียงกรีดร้องที่ดังก้องด้วยความรู้สึกที่แสนเจ็บปวด

และด้วยจังหวะนี้เอง เชว่หย้วน ก็ได้ฉวยโอกาสปล่อยฝ่ามือของนางออกไป ฉับพลันปรากฏฝ่ามืออากาศขนาดใหญ่ จู่โจมไปที่เหล่า[ศิษย์ลัทธิมาร]ที่ทำพิธีกรรมล้อมวงสร้างลูกศรกันอยู่ในขณะนั้น

          “ ตูม! ” ฝ่ามือขนาดใหญ่ได้กดทับร่างของพวกมันจนถึงแก่ความตาย

พวก[ศิษย์ลัทธิมาร]ต่างกรีดร้องออกมาอย่างน่าสมเพชก่อนที่ร่างของพวกมันจะถูกกดทับจนกลายเป็นเศษเนื้อ โดยที่พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโต้กลับ

          “ ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป พวกเราจะฆ่าพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]และผู้ติดตามของพวกมันให้หมดในขณะนี้ ” และในขณะเดียวกัน เจิ้งยีเชา ก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

          “ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าคงจะเป็นศิษย์จากสำนักยี่หยวน ดูจากเคล็ดวิชาการต่อสู้ของพวกเจ้าแล้วช่างนับว่าเป็นที่น่าพอใจ จึงมิน่าแปลกใจเลยที่ว่าเหตุใดพวกเจ้าถึงได้หาญกล้าที่จะลอบโจมตีองค์ชายเช่นข้าผู้นี้ ข้าคงต้องขอกล่าวชม! ” ฉับพลันเสียงหัวเราะก็ได้ดังก้องขึ้นมาจากสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป ทุกคนต่างจับจ้องไปที่แหล่งที่มาขอเสียงและพวกเขาก็ได้เห็นร่างเงาที่ยืนอยู่บนด้านหลังของสัตว์ที่มีหน้าตาแปลกประหลาดบินออกมาจากสถานที่อันห่างไกล

ศิษย์ของสำนักยี่หยวนทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่รูปเงานี้ ซึ่งมันก็ได้ปรากฏร่างของชายหนุ่มที่มีลักษณะเย็นชาและท่าทีที่เยือกเย็นพร้อมบรรยากาศโดยรอบที่ให้ความรู้สึกถึงความมืดมนบางอย่าง นอกจากนี้เขายังได้ส่วนใส่เสื้อผ้าชุดคลุมสีดำทมิฬพร้อมกระโดดลงมาจากด้านหลังของสัตว์ที่มีรูปลักษณ์ใบหน้าที่แปลกประหลาด

          “ องค์ชาย โมเหยียน ” จูเก้อชิงลี่ จับจ้องไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นพร้อมเปิดปากกล่าวออกมาในลักษณะที่ดวงตาของเขานั้นเปิดกว้างเล็กน้อย

ฉับพลันเหล่าศิษย์ของสำนักยี่หยวนต่างรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น แม้แต่ เย่ชีเหวิน ก็ยังต้องรู้สึกระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังจากที่ศัตรูของพวกเขาในครานี้มิใช่สิ่งที่แม้แต่ศิษย์หลักจะสามารถต่อกรได้โดยง่ายและจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในการต่อสู้

          “ จูเก้อชิงลี่ ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาไม่น้อยก่อนที่เจ้าจะได้ขึ้นเป็นบุคคลที่แสนมีค่าและเป็นศิษย์ชั้นนำในหมู่ศิษย์ฝ่ายหลักของสำนักยี่หยวนเสียงอีก เจ้าล้วนเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมากอีกทั้งความสามารถและภูมิปัญญาของเจ้ายังหาตัวจับได้ยาก หากแต่เจ้าก็ยังคงตกอยู่ภายในหลุมพรางขององค์ชายเช่นข้าผู้นี้ ” องค์ชาย โมเหยียน กล่าว

ใบหน้าของศิษย์สำนักยี่หยวนทั้งหมดต่างตกอยู่ในสภาพที่มิสามารถดูสารรูปได้ ภารกิจของเขาในครานี้คือทำการซุ่มโจมตีและใช้โอกาสนั้นในการลอบโจมตีองค์ชาย โมเหยียน แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันจะเป็นพวกเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายตกหลุมพรางของศัตรูของพวกเขา

          “ ดีในเมื่อเจ้ากล้าที่จะโพล่หน้าออกมาเช่นนี้ นี่ก็จะเป็นวันตายของเจ้าองค์ชาย โมเหยียน เพราะอะไรน่ะรึก็เพราะเจ้าได้ตกหลุมพรางของพวกข้าแล้วยังไงล่ะและมันจะนำเจ้าไปสู้ความตาย ศิษย์พี่ลู่สานุศิษย์ที่แท้จริงอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่นี่มากนักและเมื่อเขามาถึงเจ้าจะต้องตายลงที่นี่ในวันนี้ ” เสี่ยวจิน ว่ากล่าว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เอาว่ะเปิดตัวศิษย์ที่แท้จริง
B2 : ว่าแต่ไอ้ลู่ ๆ ไรเนี่ยรู้สึกมันจะคุ้น ๆ นะ
B1 : หืม……..
B3 : หึหึหึหึหึหึหึหึหึหึหึ
B4 : โคตรเอา!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม