บทที่ 125 - ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด

การเอ่ยนามของศิษย์ที่แท้จริง ลู่ยี่ฟาน ทำให้ขวัญกำลังใจศิษย์ของสำนักยี่หยวนลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง นับว่าโชคดีที่ศิษย์ที่แท้จริงนั้นอยู่ในสถานอันใกล้ไม่ห่างไกลจากพวกเขามากนัก ตราบใดที่พวกเขาสามารถตรึงพวกมันเอาไว้ได้ เมื่อศิษย์ที่แท้จริง ลู่ยี่ฟาน มาถึงพวกมันจะไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะโต้กลับและไม่อาจหลีกหนีความตายได้พ้น

แม้ว่าองค์ชาย โมเหยียน นั้นจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่มันก็อยู่เพียงแค่ในระดับศิษย์ฝ่ายหลักเท่านั้น ซึ่งมันมิอาจนำมาเทียบเคียงอะไรกับศิษย์ที่แท้จริงอย่าง ลู่ยี่ฟาน แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ศิษย์ที่แท้จริง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]จะสามารถจินตนาการได้

“ หึ! ” องค์ชาย โมเหยียน แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “ บางที่พวกเจ้าอาจจะมิได้อยู่ถึงเวลานั้นก็เป็นได้ นี่พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าองค์ชายผู้นี้จะอดทนรอจนถึงเวลานั้น หลังจากที่พวกข้าได้ล่วงรู้ถึงแผนการของพวกเจ้า ? แม้ต่อให้ศิษย์ที่แท้จริงมาในขณะนี้และ[สานุศิษย์แห่งลัทธิมาร]อย่างพวกข้าจะไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะหนีรอด แต่พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่ามันจะสามารถช่วยชีวิตของพวกเจ้าเอาไว้ได้ อะไรที่ทำให้พวกเจ้าคิดเรื่องน่าขันเช่นนั้นกัน! ” องค์ชาย โมเหยียน ว่ากล่าวพร้อมคว้าร่างของชายผู้หนึ่งที่อยู่ในสภาพปรางตายออกมา ใบหน้าของ จูเก้อชิงลี่ และศิษย์ของสำนักยี่หยวนคนอื่น ๆ ต่างก็ผันแปรไปอย่างฉับพลัน เพราะชายที่เต็มไปด้วยคราบเลือดผู้นี้คือชายผู้ที่ได้ให้ข่าวสารแก่พวกเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าองค์ชาย โมเหยียน นั้นจะเดินทางผ่านมายังเส้นทางนี้ แต่พวกเขาก็มิได้คาดคิดเลยว่าชายผู้นั้นจะมาอยู่ที่นี่อีกทั้งยังตกอยู่ในสภาพที่ถูกจับเช่นนั้น

  “ไอ้เจ้าพวกมนุษย์บัดซบ ที่กล้าวางแผนคิดที่จะสังหารข้าผู้นี้! ” องค์ชาย โมเหยียน กล่าวด้วยเจตนาฆ่าที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า พร้อมกรงเล็บที่คว้าจับแน่นบนศีรษะของชายที่อยู่ในสภาพปรางตาย เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานดังกึกก้องแต่เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นร่างของชายผู้นั้นก็ถูกดูดกลื่นจนแห้งสนิท ราวเหมือนกับว่าของเหลวภายในร่างได้ถูกดูดออก

“ คราวนี้ก็ถึงเวลาตายของพวกเจ้า! ” องค์ชาย โมเหยียน ว่ากล่าวพร้อมกวาดสายตาที่เยือกเย็นออกไปต่อเหล่าสานุศิษย์ของสำนักยี่หยวน

ในท้องฟ้าที่ห่างออกไปได้มีรูปเงาบินตรงมายังพวกเขา โดยใช้ประโยชน์จากภายใต้แสงจันทร์ที่สลัว เย่ชีเหวิน สามารถมองเห็นได้ว่ามันคือสัตว์ปีศาจที่มีรูปร่างสูงกว่า 2 เมตรและถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดดำทมิฬหนาทึบและมีดวงตาที่ดุร้ายพร้อมคมเขี้ยวอันแหลมคมที่พร้อมจะขย้ำได้ทุกสิ่ง และคู่ปีกด้านหลังของมันที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับค้างคาว

“ มารยักษ์ใหญ่! ” ศิษย์มากมายต่างขานเรียกเผ่าพันธุ์ของพวกมัน ท่ามกลางเผ่าพันธุ์จำนวนมากของพวกปีศาจมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ 1,000 สายพันธุ์ในหมู่ 10,000,000 กว่าสายพันธุ์เท่านั้นที่จะมีสติปัญญาอันชาญฉลาดและตามตำนานของดินแดนโลกการต่อสู้ที่แท้จริงโดยมิต้องสงสัยเลยว่า[ มารยักษ์ใหญ่ ]นั้นถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งพวกมันยังเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปีศาจจากโลกปีศาจที่ได้ทำการบุกรุกดินแดนโลกการต่อสู้ที่แท้จริง แม้ว่าหน้าที่ของพวกมันในกองทัพปีศาจจะเปรียบเสมือนเป็นดั่งกองทหารพลีชีพหากแต่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็มิใช่สิ่งที่ควรมองข้าม เพราะเพียงแค่พวกมันเกิดมาก็มีระดับการบ่มเพาะพลังถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]และหลังจากที่พวกมันได้ก้าวเข้าสู่ในช่วงการเจริญเติบโตจนถึงการเจริญเติบโตเต็มที่ความแข็งแกร่งของพวกมันจะคงอยู่ที่[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรืออาจสูงมากกว่านั้นซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะจัดการกับพวกมัน

แม้ว่า เย่ชีเหวิน และสานุศิษย์คนอื่น ๆ จะยังมิเคยเห็นมารยักษ์ใหญ่มาก่อน หากแต่นั่นก็มิได้หมายความว่าพวกเขาจะมิได้รู้เรื่องเกี่ยวกับมันหลังจากที่ภายในจักรวรรดิต้าเยว้ ผู้ติดตามเหล่าสานุศิษย์ลัทธิมารนั่นมิได้มีผู้คนมากมายนักดั่งเช่นสำนักยี่หยวนและสำนักใหญ่อื่น ๆ พวกมันจึงจำเป็นที่จะต้องรวบรวมกำลังจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งนั่นก็หมายถึงพวกมารเหล่านี้ด้วยเพื่อผนึกกำลังของพวกมันให้กลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่เพื่อล้มล้างจักรวรรดิ

“ ไอ้เจ้าพวกสัตว์บัดซบ! ” ใบหน้าของ จูเก้อชิงลี่ กลายเป็นบูดบึ่งอย่างฉับพลัน ทันทีที่เขาได้เห็นพวกมารยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ซึ่งมันส่อให้เห็นถึงความตั้งใจขององค์ชาย โมเหยียน อย่างชัดเจนว่ามันต้องการที่จะฆ่าพวกเขาลงที่นี่และเดี้ยวนี้

“ เหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลานี่พวกเจ้ากล้าที่จะหยุดกองทัพเหล่ามารยักษ์ใหญ่อย่างพวกข้าเช่นนั้นรึ หึดูเหมือนว่าพวกเจ้าคงจะขี้เกียจหายใจมากเลยสินะถึงได้กล้ากระทำการเช่นนี้ เจี่ย! เจี่ย! ดีหลังจากที่เพิ่งจากมาจากโลกปีศาจ ข้าเองก็อยากที่จะลิ้มลองเลือดสด ๆ ดูสักครา! ” มารยักษ์ใหญ่ ว่ากล่าวพร้อมแลบลิ้มสีแดงเข้มตัดดำวนรอบบริเวณปากของพวกมันพร้อมหัวเราะด้วยเสียงที่แปลกประหลาด

ความคิดของพวกมารยักษ์ใหญ่และเหล่าผู้ติดตามสานุศิษย์ลัทธิมารนั้นต่างผองเป็นเสียงเดียวกัน ว่าพวกมันต้องการที่จะกินเลือดสด ๆ ของมนุษย์ ซึ่งในความเป็นจริงสานุศิษย์ลัทธิมารก็ได้รับการสืบทอดความคิดเช่นนี้ต่อมาจากพวกปีศาจที่แท้จริงจากโลกปีศาจ

“ อย่าได้ใจให้มันมากนัก ที่นี่หาใช่โลกปีศาจของพวกเจ้าไม่ แต่นี่คือโลกดินแดนการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกข้า อะไรที่ทำให้พวกเจ้ากล้าที่จะทำตัวหยิ่งผยองเช่นนั้นกัน ” เจิ้งยี่เจา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพลางจับจ้องไปที่มารยักษ์ใหญ่ทั้ง 10 ตนราวกับขยะไร้ฆ่าและเจตนาฆ่าได้ปรากฏขึ้นมาภายในดวงตาของเขา

“ อย่ามัวแต่กล่าวเรื่องไร้สาระลงมือ! ” องค์ชาย โมเหยียน ตะโกนกล่าวเสียงดังพร้อมสั่งกองทัพลูกสมุนของเขาเข้าโจมตีศิษย์สำนักยี่หยวน ในขณะเดียวกันที่ฝ่ามือของเขาก็ได้ปรากฏศัตราวุธที่มีลักษณะคล้ายดั่งตรีศูลออกมา เพียงชั่วพริบตาที่เหมือนดังเส้นสายฟ้าสีดำทมิฬเขาได้รีบพุ่งตรงเข้าใส่ จูเก้อชิงลี่ ในทันที

ฉับพลันเหล่าบรรดามารยักษ์ใหญ่นับ 10 ตนก็ได้กู่ร้องคำรามพร้อมคว้าหอกของพวกมันออกมาและบินตรงไปยังศิษย์ฝ่ายหลักที่เหลืออีก 3 คน

สงครามได้เริ่มต้นขึ้นและเสียงระเบิดดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง

จูเก้อชิงลี่ และ องค์ชาย โมเหยียน ต่างเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงและความแข็งแกร่งของพวกเขาจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกันซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด หาก จูเก้อชิงลี่ มิได้มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตน เขาคงไม่กล้าที่จะรับภารกิจซุ่มโจมตีองค์ชาย โมเหยียน ในครานี้อย่างแน่นอน

นอกจากการต่อสู้ของ จูเก้อชิงลี่ และ องค์ชาย โมเหยียน แล้วศิษย์หลักอีก 3 คนก็ต้องรับมือกับมารยักษ์ใหญ์ที่เดียวพร้อมกันถึง 3 ตน แม้ว่าพวกมันจะถูกกล่าวขานว่าเป็นกองทัพพลีชีพและมีสถานะที่มิต่างอะไรไปจากคนธรรมดาเมื่อเทียบกับโลกปีศาจ หากแต่ความสามารถของพวกมันก็เปรียบเสมือนดั่งผู้เชี่ยวชาญดี ๆ นี่เองอีกทั้งระดับการบ่มเพาะของพวกมันยังอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขา

ด้วยการปะทะกันระหว่าง 3 ต่อ 9 จำนวนที่แตกต่างกันมากเกินไปทำให้สถานการณ์ของศิษย์ฝ่ายหลักทั้ง 3 คนนั้นเสียเปรียบอย่างสมบรูณ์ แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกันก็ตามแต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืดเวลาความพ่ายแพ้ออกไปเท่านั้น

ส่วนมารยักษ์ใหญ่ที่เหลืออยู่อีก 1 ตนก็ได้ลงไปสมทบกับพวกสานุศิษย์ลัทธิมารเพื่อบดขยี้เหล่าศิษย์สำนักยี่หยวนที่มีด้วยกันเพียงแค่ 20 คน

ใบหน้าของพวกศิษย์สำนักยี่หยวนนั้นต่างซีดขาว เมื่อต้องเผชิญหน้ากลับศิษย์ลัทธิมารที่มีมากมายกว่าหลาย 100 ตน อีกทั้งในหมู่ของพวกมันก็ยังมีกว่าหลาย 10 ตน ที่อยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และส่วนใหญ่ของพวกมันก็ยังอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หากพวกมันเลือกที่จะโจมตีเข้าใส่พวกเขาพร้อมกันแล้วล่ะก็พวกเขาย่อมไม่มีทางชนะพวกมันได้อย่างแน่นอนและความตายจะกลายเป็นปลายทางของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดในที่นี้จะถูกยอมรับว่าเป็นศิษย์ระดับสูงของสำนักยี่หยวน แต่พวกเขาก็ยังคงทำอะไรไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพศิษย์ลัทธิมารที่มีความแตกต่างกันเรื่องจำนวนมากมายถึงเพียง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่ามารยักษ์ใหญ่ที่ลงมาสมทบกับพวกมันเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่อาจที่จะต้านทานพวกมันเอาไว้ได้เป็นแน่!

" เจี่ย เจี่ย เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่จงยอมจำนนและมอบเลือดของพวกเจ้ามาให้แก่ข้าเสีย " มารยักษ์ใหญ่หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาดพร้อมคว้าหอกของมันโยนเข้าใส่ศิษย์[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

" สวบ! " หอกยาวแทงทะลุร่างของศิษย์ผู้นั้นโดยที่ศิษย์ผู้นั้นมิอาจตอบสนองได้ทัน คมหอกได้แทงทะลุผ่านหัวใจและทำให้ศิษย์ผู้นั้นตายในทันทีโดยที่ร่างถูกตรึงไว้กับคมหอก พร้อมกับเลือดที่หลั่งไหลออกมาและเจือปนกับคมหอกจนกลายเป็นสีดำทมิฬ

ขวัญกำลังใจของพวกศิษย์ฝ่ายในต่างถดถอยลงอย่างฉับพลัน แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพขนาดใหญ่ของพวกศิษย์ลัทธิมารที่ไร้ศีลธรรมและมีจำนวนที่แตกต่างกันนับหลายเท่าตัว แต่พวกมันก็ยังคงเป็นเพียงแค่มนุษย์ตราบเท่าที่พวกเขาผนึกกำลังเข้าด้วยกัน พวกเขาก็ยังคงสามารถรักษาสถานการณ์และยืดชีวิตของพวกเขาออกไปได้อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถคิดค้นแผนการที่จะเอาชนะพวกมันขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน หากแต่พวกเขานั้นกับมิอาจรู้ได้เลยว่าจักต้องใช้วิธีการใดถึงจะสามารถเอามารยักษ์ใหญ่ที่เป็นถึง[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ลงได้

" เจี่ย เจี่ย จงยอมจำนนและให้พวกข้ากินเลือดสด ๆ ของพวกเจ้าเสียดี ๆ! " มารยักษ์ใหญ่ด้วยเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาด

" ถ้ายอมให้พวกมันกินเลือดสด ๆ ของพวกเจ้าแล้วล่ะก็ พวกเจ้ามันก็มิได้แตกต่างอะไรไปจากสัตว์ดีดีนี่เอง! " ฉับพลันก็ได้มีเสียงดังกึกก้องมาจากภายในกลุ่มของพวกสานุศิษย์ฝ่ายในของสำนักยี่หยวนและปรากฏคมมีดแระกายแสงพุ่งตรงไปยังมารยักษ์ใหญ่

มารยักษ์ใหญ่ที่เห็นว่ามีบางสิ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามามันจึงได้ป้องมือขึ้นเพื่อป้องกัน

" เพล้ง! " เสียงปะทะกันของโลหะดังกึกก้อง คมมีดประกายแสงของ เย่ชีเหวิน ได้ปะทะเข้ากับเกล็ดสีดำทมิฬบนแขนข้างหนึ่งของมารยักษ์ใหญ่และระเบิดเกล็ดมันออกมา

ความแข็งแกร่งของเกล็ดมันนั้นมิได้ด้อยไปกว่าเกราะภานในชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาพที่ตกตะลึงเมื่อจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ที่ขณะนี้ค่อย ๆ ก้าวเดินออกมาจากฝูงชนพร้อมคมมีดยาวในมือพลางกล่าวว่า " หากพวกเจ้าสูญเสียความกล้าเพียงแค่คำขู่ของไอ้พวกสัตว์นรกพวกนี้พวกเจ้าก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ จงหยิบดาบขึ้นและปาดคอตายไปเสีย! "

ฉับพลันเหล่าศิษย์มากมายต่างรู้สึกได้ถึงความอัปยศที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านั้น พวกเขาต่างถูกยอมรับว่าเป็นศิษย์ชั้นสูงของสำนักและถูกเรียกว่าอัจฉริยะในบรรดาศิษย์ฝ่ายใน จิตใจของพวกเขานั้นกล้าแกร่งมั่นคงและไม่มีวันดับสูญ พวกเขาจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของเคล็ดวิชายุทธและมีเชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วหราและกลายเป็นที่ยอมรับจากทั่วทุกมุมของโลก

" ใช่แล้วพวกมันก็เป็นได้เพียงแค่สัตว์ชั้นต่ำการฆ่าพวกมันย่อมมิใช่เรื่องใหญ่ "

" ฆ่า ฆ่าไอ้พวกสัตว์ชั้นต่ำเหล่านี้! "

ขวัญกำลังใจของพวกศิษย์ฝ่ายในลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง!

เมื่อมารยักษ์ใหญ่ได้เห็นเช่นนั้นมันก็ได้กู่ร้องคำรามราวเหมือนกับว่ามันได้เข้าใจบางสิ่งบางอย่าง เพียงแค่มันกระดิกนิ้วคมหอกที่ปักอยู่บนร่างของศิษย์ผู้นั้นก็ได้บินกลับมาที่ฝ่ามือของมันและหันปลายคมหอกที่ส่งประกายถึงความรู้อันหนาวเย็นพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

" ปัง! " คมมีดยาวของ เย่ชีเหวิน ได้ปะทะเข้ากับปลายคมหอกของมารยักษ์ใหญ่อย่างรุนแรง เสียงระเบิดดังกึกก้องและแพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้างจนบังเกิดเป็นคลื่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทาง ความแข็งแกร่งอันมหาศาลของมารยักษ์ใหญ่ได้ส่งให้ร่างของ เย่ชีเหวิน นั้นกระเด็นถอยกลับออกไปนับหลายก้าวในขณะที่มารยักษ์ใหญ่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน

ความแข็งแกร่งของมารยักษ์ใหญ่นั้นแน่นอนว่าย่อมต้องอยู่เหนือกว่ามนุษย์โดยไม่ต้องพูดถึงว่ามันยังคงอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ที่ทำให้ความแข็งแกร่งของมันนั้นรุดหน้าไปกว่าระดับขั้น 100 มังกร ความแข็งแกร่งอันมหาศาลนี้ได้ซุกซ่อนอยู่ภายในร่างกายของมันและในขณะนี้ความแข็งแกร่งอันมหาศาลนั้นก็ได้สำแดงออกมาให้เป็นที่ประจัก

ร่างของ เย่ชีเหวิน ได้ถูกกระแทกด้วยความแข็งแรงอันมหาศาลของมัน ฝ่ามือของเขาได้คว้าจับที่หน้าอกแน่นในขณะที่ปากของเขาต้องขบฟันเอาไว้เพื่อไม่ให้เลือดกระอักออกมา แต่ภายในดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่มารยักษ์ใหญ่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

มารยักษ์ใหญ่กู่ร้องคำรามอีกครั้งดูเหมือนว่าอารมณ์ของมันจะถูกทำลายโดยความดื้อรั้นของ เย่ชีเหวิน

ฉับพลันฝ่ามือของมันคว้าจับด้ามหอกและตั้งฉากขึ้นพร้อมพุ่งตรงไปทาง เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็ว เกล็ดสีดำของมันได้เสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนกลายเป็นประกายเพลิงสีแดงฉาน ราวเหมือนกับมันได้กลายเป็นปีศาจเปลวเพลิงไปทั้งอย่างนั้น ร่างและคมหอกของมันได้พุ่งตรงทะลวงเข้าไปยังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน ว่ากันว่าความแม่นยำของมันนั้นถือเป็นที่สุด

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน กลับมิแยแสพร้อมขบฟันและเข้าประจันหน้ากับมารยักษ์ใหญ่ ในขณะเดียวกันเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]ก็ได้เริ่มหมุนวน

          " ปัง! "

          " ปัง! "

          " ปัง! "

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างห่ำหั่นเข้าใส่กันด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทุกการปะทะเริ่มทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุก ๆ การปะทะ เย่ชีเหวิน จะเป็นฝ่ายกระเด็นถอยกลับออกมาเสมอ แต่เขาก็ยังคงดึงดันที่สู้ต่อไปและทุก ๆ ครั้งที่กระเด็นถอยกลับจำนวนย่างก้าวของเขานั้นก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ การเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลของมารยักษ์ใหญ่ทำให้พลังปราณภายในร่างของเขานั้นเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ผมสีดำโบกสบัด แม้เขาจะเป็นฝ่ายที่ถูกดันกลับ แต่กลิ่นอายที่อยู่บริเวณรอบกายกลับยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ราวเหมือนกับว่าเขาคือเทพเจ้าให้ความตายที่พร้อมจะฟื้นคืนมาได้ตลอดเวลา

ในเวลานี้เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]ได้กลายเป็นที่ประจักอย่างแท้จริง ทั่วทั้งร่างของ เย่ชีเหวิน ได้ส่งกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกถึงยากที่จะทำลายและไม่มีวันดับสูญ ราวเหมือนดั่งเป็นร่างกายของทรราชอย่างแท้จริง พลังปราณภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน ได้พุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้กลิ่นอายของเขานั้นพุ่งทะยานขึ้นสู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า

แม้แต่มารยักษ์ใหญ่ก็ยังมีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน ในสายตาของมันมีความรู้สึกที่แอบหวาดกลัวต่อ เย่ชีเหวิน อยู่ลึก ๆ มันไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงได้มีความน่ากลัวถึงเพียงนี้ อีกทั้งมันยังไม่เข้าใจถึงเคล็ดวิชาที่ เย่ชีเหวิน นั้นฝึกฝนจนทำให่เขานั้นมีความสามารถที่น่าหวาดกลัวดั่งเช่นสัตว์ประหลาด แม้ตัวมันจะเป็นปีศาจกระหายเลือดและมีนิสัยที่บ้าคลั่ง หากแต่ตัวมันนั้นมิได้โง่เขลา

เมื่อมันสัมผัสได้ว่า เย่ชีเหวิน นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้า ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นและมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายมัน

          " ตายเสีย! " มารยักษ์ใหญ่ตะโกนกล่าวพร้อมฟาดคมหอกไปที่ เย่ชีเหวิน จนก่อให้เกิดกลายเป็นพายุขนาดใหญ่ ซึ่งเห็นได้ชัดต่อเจตนาฆ่าอันแรงกล้าของมารยักษ์ใหญ่ที่หมายจะสังหาร เย่ชีเหวิน ให้รวดเร็วที่สุดโดยมิล่าช้า

          " ปัง! " เย่ชีเหวิน คว้ามีดยาวและเข้าปะทะกันอย่างดุเดือนกับคมหอกของมารยักษ์ใหญ่จนกลายเป็นคลื่นระเบิดแพร่ขยายออกไปบริเวณโดยรอบ

เย่ชีเหวิน รู้ได้ถึงพลังอันมหาศาลที่ไหลผ่านเข้าสู่ภายในร่างกายและซึมซับเข้าไปถึงกระดูกดำของเขาเสียงประทุดังก้องภายในร่างกายภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงนี้

พลังปราณหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่งภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน

          " ก้าวข้ามมัน! "

          " ก้าวข้ามมัน! "

          " ก้าวข้ามมัน! "

เย่ชีเหวิน ตะโกนก้องภายในจิตใจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แรงกดดันความแข็งแกร่งอันมหาศาลทร่เขาต้องเผชิญ พลังปราณ ได้หมุนวนและกลายเป็นรูปทรงกลมภายในร่างกายของเขา

          " ตูม! " ภายใต้แรงกดดันความแข็งแกร่งอันมหาศาลนี้เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]ของ เย่ชีเหวิน ในที่สุดก็บรรลุระดับขั้นที่ 2 ใน[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ]

ความแข็งแกร่งของมังกรได้เพิ่มขึ้นจาก 100 มังกรในปัจจุบันเป็น!

ความแข็งแกร่งระดับขั้น 101 มังกร!

ความแข็งแกร่งระดับขั้น 102 มังกร!

ภายใต้ขอบเขตนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้ยเทียบเท่าได้กับมารยักษ์ใหญ่ อีกทั้งเขายังสามารถบุกฝ่าเข้าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดเนแดนลมปราณก่อเกิด ] ทำให้พลังปราณภายในร่างของเขานั้นได้บรรลุในระดับพลังปราณรูปแบบใหม่ ซึ่งจัดได้ว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นยังคงทวีคูณเพิ่มมากขึ้นจนน่าหวาดกลัว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : โอ้วววววววว เล่นแม้งเลย
B2 : ถึงทีเราแล้ววู้!!!!!!!!!!
B1 : ฆ่าแม้งให้หมดไปเลย!!!!!!!!
B3 : ใช่ฆ่าไอ้พวกศิษย์สำนีกยี่หยวนให้หมดไปเลยวู้!!!!!!!!
B4 : .........
B3 : อะไร? เชียร์ตัวโกงมันผิดไง?
B1,B2 : .......
B3 : = =
B4 : (แพ้แล้วไม่รู้จักแพ้)
B2 : (พวกตัวร้ายมันก็งี้แหละ)
B1 : (โคตรกากเลยขอบอก)
B3 : [ก.]ได้ยินนะไอ้เวรเอ้ย

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน


คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

2 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม