บทที่ 126 - โต้กลับ

ภายในร่างของ เย่ชีเหวิน ที่เกิดการไหลเวียนของกระแสพลังปราณก่อเกิด ที่เริ่มถูกผันแปรกลายเป็นพลังงานที่มีสถานะเป็นของเหลว ที่แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของกระแสพลังปราณที่ดีมากขึ้นภายในร่างกายของเขา

เย่ชีเหวิน รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเขาที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและความแข็งแกร่งที่ยังคงเพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด!

          " นี่มันเป็นไปได้ยังไง " มารยักษ์ใหญ่ตกอยู่ในสภาวะตกตะลึงเมื่อมันจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ราวเหมือนกับมิใช่มนุษย์ มันไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีความก้าวหน้ามากมายเช่นนี้มาก่อนหลังจากประสบความสำเร็จในการตัดผ่าน อีกทั้งความแข็งแกร่งของเขายังคงเพิ่มขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

นอกจากนี้มันยังเคยเห็นความก้าวหน้าหลังจากที่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ข้ามไปยัง[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]มาแล้วมากมาย หากแต่พวกมันกลับมิเคยเห็นความก้าวหน้าของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณภายในครั้งเดียวเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งออร่าและกลิ่นอายของ เย่ชีเหวิน ยังคงเพิ่มขึนเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับขั้น 120 มังกรแล้วหากแต่มันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

วิธีการที่จะมีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้หลงเหลืออยู่บนโลก อีกทั้งพลังอำนาจของเคล็ดวิชาที่ใช้ในการฝึกฝนก็ยังน่าหวาดกลัวมิแพ้กัน นี่มันฝึกฝนเคล็ดวิชาใดอยู่กันแน่!

และในระหว่างความก้าวหน้านี้เองพลังปราณก่อเกิดภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็ได้เริ่มผันแปรเข้าสู่พลังปราณหยวนแม้ว่าการผันแปรในตอนนี้มันพึ่งจะดำเนินการไปได้เพียงแค่ 1 ใน 3 หากแต่ความแข็งแกร่งของเขายังคงรุดหน้าจนถึงระดับขั้น 120 มังกร หากเข้าประสบความสำเร็จในการผันแปร เย่ชีเหวิน คาดเดาได้ว่าความแข้งแกร่งของเขามั่นเหมาะที่จะพุ่งทะยานสูงขึ้นจนถึงระดับขั้น 150 มังกร แม้ว่ามันจะยังคงห่างไกลต่อความแข็งแกร่งระดับขั้น 199 มังกร ของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หากแต่มันก็มากพอที่เขาจะสามารภเอาชนะปีศาจยักษ์ใหญ่ตนนี้ที่ดูเหมือนว่าพึ่งจะก้าวเข้ามาสู่[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้มิยากเย็นนัก


          " ไม่นี่มันเป็นไปไม่ได้! " มารยักษ์ใหญ่คำรามพร้อมเปิดการโจมตีเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อีกครั้ง หอกของมันได้พุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ราวเหมือนดั่งสายฟ้าฟาด

เย่ชีเหวิน ยิ้มขึ้นมุมปากและฟาดฟันใบมีดยาวออกไปอย่างฉับพลัน การผันแปรพลังปรารก่อเกิดภายในร่างให้กลายเป็นพลังปราณหยวน แม้จะมีเพียงน้อยนิดแต่มันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใบมีดประกายแสงของเขาให้เพิ่มขึ้นมาได้อย่างทวีคูณ ใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้ปะทะเข้ากลับคมหอกกลางอากาศอย่างรุนแรง

          " เพล้ง "

เสียงปะทะกันของศัตราวุธดังกึกก้องกังวาลและรุนแรง ซึ่งมันได้ส่งผลกระทบถึงร่างของ เย่ชีเหวิน และ มารยักษ์ใหญ่ หากแต่ในครานี้นั้นร่างของ เย่ชีเหวิน กลับยืนอยู่อย่างสงบนิ่งพร้อมถือใบมีดยาวในมือ ในขณะที่ร่างของมารยักษ์ใหญ่นั้นกลับกระเด็นถอยห่างออกไปนับหลายก้าว พร้อมทั่วทั้งร่างที่สั่นเท่าและบาดแผลลึกในมือ

หอกของมันได้ปักคาลงอยู่ที่พื้นดิน

มารยักษ์ใหญ่จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้ที่ประหลาดใจ แต่ทว่า เย่ชีเหวิน กลับไม่รีรอให้เวลามันผ่านล่วงเลยไปอย่างเสียปล่าว เขาได้ฟาดฟันใบมีดประกายแสงแพรวพราวพุ่งตรงเข้าใส่ปีศาจยักษ์ใหญ่ในทันที

เมื่อมารยักษ์ใหญ่เห็นการโจมตีที่พุ่งตรงเข้ามา ครานี้มันไม่พยายามที่จะป้องกัน หากแค่มันกลับดีดตัวถอยห่างอย่างฉับพลันนับหลายก้าว เมื่อค้องเผชิญหน้ากับพลังปราณใบมีดของ เย่ชีเหวิน ที่ดูน่าหวาดกลัวอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้มันไม่กล้าแม้แต่จะเสี่ยงที่จะเข้าปะทะ

เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้เห็นเช่นนั้น เขาก็ได้พุ่งตรงไปยังข้างหน้าและฟาดฟันใบมีดของเขาออกไปอีกครั้ง ในครานี้ใบมีดประกายแสงของเขาได้ไปถึงตัวปีศาจยักษ์ใหญ่และไม่ให้มันได้มีโอกาสใด ๆ แม้แต่จะหลบหนี เสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชดังกึกก้อง แขนของมันได้ถูกตัดขาดโดยคมมีดของ เย่ชีเหวิน

นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าอันแสนโหดเหี้ยมอำมหิตและกระหายเลือดของมารยักษ์ใหญ่ ปรากฏรูปลักษณ์ของความหวาดกลัวบนใบหน้า มันไม่อาจที่จะยอมรับได้ว่าในชีวิตนี้ของมันจะต้องถูกฆ่าตายโดยฝีมือมนุษย์ มันไม่อาจที่จะยอมรับได้ว่ามนุษย์จะมีควาาน่ากลัวถึงเพียงนี้

เมื่อ เย่ชีเหวิน มีชัยเหนือมารยักษ์ใหญ่ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าสานุศิษย์ที่ถอยหนีเริ่มกลับมาอีกครั้ง พวกเขาได้เริ่มโต้กลับเหล่าสานุศิษย์แห่งลัทธิมารอย่างรวดเร็ว โดยมีความคิดที่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาก็ยังคงมี เย่ชีเหวิน ที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเขาอยู่ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนเป็นดั่งความหวังของพวกเขา

เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่าเขาในตอนนี้ได้กลายเป็นพระผู้ช่วยในสายตาของคนอื่น ๆ ในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่มารยักษ์ใหญ่ด้วยเจตนาฆ่าอันแรงกล้า เป้าหมายของเขาเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ก็คือการฆ่ามารยักษ์ใหญ่เป็นอันดับแรก กลิ่นอายของ เย่ชีเหวิน ได้ล็อคแน่นลงบนร่างของมารยักษ์ใหญ่ในขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่มันอย่างเยือกเย็น เขาในตอนนี้ได้รับรู้แล้วว่าการมีอยู่ของมันเป็นอันตรายต่อมวลมนุษย์ด้วยนิสัยที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างเป็นธรรมชาติของพวกปีศาจ จึงไม่ควรค่าแก่การเห็นใจที่จะฉีกกระฉากมันออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยน้ำมือของเขา

มารยักษ์ใหญ่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่ามันในตอนนี้มิใข่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน และหากมันยังคงพยายามที่จะสู้มันจะต้องถูกฆ่าตายอย่างน่าสมเพชอย่างแน่นอน กลิ่นอายอันสง่างามของ เย่ชีเหวิน ที่ได้บดบังรัศมีของมันทำให้มันสามารถรับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ที่ได้บรรลุถึงระดับขั้นความแข็งแกร่ง 130 มังกรแล้ว

มารยักษ์ใหญ่ไม่มีโอกาสแม้แต่ที่จะได้คว้าคมหอกของมันที่ล่วงหล่นอยู่บนพื้น มันได้ใช่เคล็ดวิชาระเบิดแสง ก่อนที่มันจะมุดหายเข้าไปภายในฝูงชนของเหล่าบรรดาผู้ติดตามสานุศิษย์แห่งลัทธิมาร

เย่ชีเหวิน ยิ้มขึ้นมุมปากพลางกล่าวว่า " ต้องการที่จะหนี! "

โดยไม่มีความลังเลใด ๆ เย่ชีเหวิน กระโดดไล่ตามไปในทันที ในขณะที่เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเขาก็ได้ล่อนลงมาและพุ่งชนเข้าใส่สานุศิษย์แห่งลัทธมารอย่างไร้ความปราณี

เย่ชีเหวิน มิได้ยับยั้งพลังลมปราณของตนจึงทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง เหล่าสานุศิษย์แห่งลัทธิมารต่างกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศทาง ราวกับได้มีพายุขนาดใหญ่โหมกระหน่ำใส่พวกมัน เหล่าศิษย์ลัทธิมารไม่มีเวลามากพอที่จะตั้งรับหรือหลบหนี ทุกคนที่ได้เข้าปะทะต่างถูกปัดกระเด็นออกไปไกลพร้อมกับกระอักเลือดออหมาหนึ่งคำก่อนที่พวกมันเหล่านั้นจะหมดสติลง

สานุศิษย์เหล่านี้ยังคงเป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นที่ 4 หรือ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญที่แสนน่ากลัวเฉกเช่น เย่ชีเหวิน ที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้

ในดินแดนลมปราณก่อเกิดนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ราวฟ้าดินระหว่าง[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งไม่เพียงแค่แตกต่างกันที่ระดับความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังคงแตกต่างกันที่พลังปราณก่อเกิดที่ถูกผันแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณหยวนด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]จะมิสามารถเทียบชั้นอะไรได้เลยกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

และแม้ว่า เย่ชีเหวิน จะยังคงมิได้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ทว่าพลังปราณก่อเกิดภายในร่างกายของเขาก็ได้เริ่มผันแปรกลายเป็นพลังปราณหยวนแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แล้วมีหรือที่สานุศิษย์แห่งลัทธิมารพวกนี้จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเขาได้

          " ชึบ! "

คมมีดยาวของ เย่ชีเหวิน แบ่งร่างของสานุศิษย์แห่งลัทธิมารคนแล้วคนเล่า และในขณะนั้นเองคมมีดของเขาก็ได้เกิดประกายแสงหวิบหวับ ฉับพลัน เย่ชีเหวิน ได้ฟาดฟันคมมีดประกายแสงออกไปอีกครั้งต่อร่างของมารยักษ์ใหญ่ที่กำลังหลบหนี

แต่อย่างไรก็ตามารยักษ์ใหญ่ก็ยังคงมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เขาได้หลบเข้าไปภายใต้ฝูงชนของผู้ติดตามสานุศิษย์ลัทธิมารจำนวนมาก และใช่พวกมันเป็นเกาะกำบังให้แก่เขาเพื่อป้องกันเขาจากคมมีดของ เย่ชีเหวิน ที่พุ่งตรงมาทางเขาจากด้านหลัง ซึ่งในมุมมองของเขาแล้วผู้ติดตามเหล่านี้ก็มิได้แตกต่างอะไรไปจากพวกมนุษย์โสโครกที่น่ารังเกียจในสายของเขามีเพียงแค่มองไปทางพวกมันอย่างดูหมิ่นเท่านั้นและไม่สนว่าในจะอยู่หรือตาย

เย่ชีเหวิน ยังคงฟาดฟันอย่างซ้ำ ๆ และหลบไปมาต่อฝูงชนเหล่าศิษย์ลัทธิมารที่พุ่งตรงมาทางเขาด้วยการเคลื่อนไหวของเคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ที่เขาได้รับการฝึกฝนจนมาถึงใน[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ] ซึ่งด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาทำให้เขาเดินผ่านฝูงชนเข้าไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้รอบตัวของเขายังคงถูกปกคลุมไปด้วยม่านของคมมีดประกายแสง ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่พุ่งตรงเข้ามาจะถูกโต้กลับในทันที มีศิษย์ลัทธิมารมากมายที่ตกตายไปด้วยม่านคมมีดของ เย่ชีเหวิน บางก็อยู่ในสภาพที่พิการ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพราะว่า เย่ชีเหวิน ต้องการที่จะสังหารมารยักษ์ใหญ่ให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะหากมิเป็นเช่นนั้นแล้วเขาคงจะฆ่าเหล่าศิษย์ลัทธิมารจนหมดสิ้นแล้วในขณะนี้

คมมีด!

ฟาดฟัน!

คมมีด!

ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง!

ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจมากกว่า 30 สานุศิษย์แห่งลัทธิมารต่างต้องตกตายไปด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน แต่เพียงผู้เดียว

ฉับพลันเหล่าศิษย์ลัทธิมารเริ่มถอยห่างและกระจายตัวกันออกไปเพื่อเปิดทางให้แก่ เย่ชีเหวิน พวกมันไม่กล้าที่จะขวางเส้นทางของชายผู้นี้อีกแล้ว แม้ว่าพวกมันจะเคารพบูชาเหล่ามารอย่างแท้จริง หากแต่พวกมันยังคงมีนิสัยที่เห็นแก่ตัวและไร้ความปราณี ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันก็มิใช่บุคคลที่ควรจะมาเสียสละให้แก่ผู้ใดแม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นมารยักษ์ใหญ่จากโลกปีศาจก็ตาม

          " หนอยไอ้เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ พวกแกมันเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ ! " เมื่อมารยักษ์ใหญ่เห็นท่าว่าเหล่าศิษย์ลัทธิมารได้เปิดทางให้แก่ เย่ชีเหวิน มันก็อดมิได้ที่จะต้องกล่าวคำสบถออกมาดัง ๆ

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน นั้นกลับมิได้คิดฟุ้งซ่านใดเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เขาเห็นว่าเหล่าศิษย์ลัทธิมารเปิดทางให้ เขาก็ได้พุ่งตัวออกไปเข้าหามารยักษ์ใหญ่ในทันทีอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าอันนิ่งเฉยของ เย่ชีเหวิน ในเวลานี้หากตรวจจับลมหายใจของเขาแล้วล่ะก็จะสามารถล่วงรู้ได้ในทันทีถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลของเขาในตอนนี้ ซึ่งเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็สามารถไล่หลังมารยักษ์ใหญ่ได้ทัน เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมปลดปล่อยคมมีดประกายแสงออกมายาวนับ 10 เมตร ซึ่งคมมีดประกายแสงนี้ได้ส่งบรรยากาศให้รับรู้ถึงคมมีดแห่งความตายที่พร้อมพรากชีวิตทุกสรรพสิ่งที่ขวางหน้าของมัน เหล่าศิษย์ลัทธิมารที่อยู่ในระยะรัศมีของคมมีดต่างถูกบดขยี้จนกลายเป็นเศษล่องลอยอยู่ในอากาศ ทั้งเลือดเนื้อต่างสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทางเป็นทางยาวจนไปถึงปลายทางที่มารยักษ์ใหญ่นั้นกำลังหลบหนีและชนเข้ากันด้านหลังของมัน

          " สวบ! " คมมีดประกายแสงได้ทะลุผ่านเกล็ดอันหนาทึบของมันและเข้าสู้ภายในร่างกายจนก่อให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้น

          " ตูม! " ทุกคนต่างได้ยินเสียงของพลังปราณที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของคนผู้หนึ่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็มิใช่ใครอื่นแต่มันคือมารยักษ์ใหญ่แห่งลัทธิมาร ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมันต่างระเบิดออกมาและกระจัดกระจายกลายเป็นเศษเนื้อร่องลอยหายไปในอากาศ

ทุกคนต่างยืนนิ่งและตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะทุกคนในที่นี้ต่างมิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จริงจะสามารถสังหารมารยักษ์ใหญ่ได้ตัวเพียงคนเดียวในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเสียเปรียบอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จูเก้อชิงลี่ และพวกศิษย์ฝ่ายหลักคนอื่น ๆ พวกเขาทำได้แค่เพียงหวังว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายในจะสามารถด้านศัตรูเอาไว้ได้จนกว่าศิษย์ที่แท้จริงจะมาถึงแม้จะต้านไว้ได้แค่เพียงเวลาอันน้อยนิดก็ตาม หากแต่พวกเขากลับมิได้คาดหวังเลยว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายในจะสามารถจัดการมารยักษ์ใหญ่ลงได้ ต้องขอบคุณการโต้กลับของ เย่ชีเหวิน ที่ทำให้สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้นั้นเริ่มหันกลับมาได้เปรียบอีกครั้ง

หลังจากที่ได้สังหารมารยักษ์ใหญ่ลงได้ กลิ่นอายของ เย่ชีเหวิน ก็ได้พุ่งขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของเขาและความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็ได้มาถึงจุดสูงสุดเช่นกัรในระดับขั้น 150 มังกร ตามที่เขาได้คาดการณ์ไว้

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แม้กระทั่งเพียงแค่ลมหายใจธรรมดาเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่สะท้อนไปมาโดยรอบ แม้ไม่ต้องใช่พลังปราณธรรมดาหรือพลังปราณหยวนเขาก็สามารถส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปยังชั้นบรรยากาศโดยรอบได้อย่างง่ายดาย

นี่คือความสำเร็จและความสามารถที่มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เท่านั้นที่จะมีได้ และเหนือสิ่งอื่นใดที่แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนคือความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้นั้นได้ทะลุเกินกว่าความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ไปไกลมากจนมิสามารถเทียบกันได้

          " เย่ชีเหวิน ระวัง! " แต่ในขณะนั้นเองก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้นฉับพลัน มันคือเสียงเตือนของ จูเก้อชิงลี่ ที่ดังก้องออกมาจากสถานที่อันห่างไกล

ลำแสงอันน่าหวาดกลัวจากแดนไกลได้พุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าโดยไกลหากแต่ เย่ชีเหวิน ก็ยังคงรู้สึกเสียวสันหลังวาบและร่างกายของเขามีปฏิกิริยาที่ตอบสนองเป็นไปตามสัญชาตญาณ เพียงพริบตาเขาได้ใช้เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ]ถแยห่างออกไปทางด้านข้างนับหลายเมตร เพื่อหลบการโจมตีที่พุ่งตรงเข้ามาทางเขา

          " ตูม! " ลำแสงได้กระทบเข้ากับพื้นที่ที่ เย่ชีเหวิน ยืนอยู่ก่อนหน้านี้จนเกิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่

ทั่วร่างของ เย่ชีเหวิน ต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ ด้วยความคิดที่ว่าหากก่อนหน้านี้เขารับการโจมตีนั้นเอาไว้ แม้ต่อให้เป็นความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็ตามก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย

เย่ชีเหวิน เรียกคืนสติของตนและกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งก่อนที่จะจับจ้องไปที่แหล่งที่มาของลำแสงที่พุ่งโจมตีใส่เขาก่อนหน้า ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้รับรู้ความจริงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการโจมตีในครานี้นั้นคือองค์ชาย โมเหยียน อีกทั้งใบหน้าของเขายังปรากฏรูปลักษณ์ที่ไม่พอใจที่ เย่ชีเหวิน สามารถหลบการโจมตีของเขาได้

          " อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้ทำมันอีกครั้ง " จูเก้อชิงลี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข หลังจากที่เขาได้เชยชมความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์ของ เย่ชีเหวิน มันทำให้เขาได้รับรู้ว่ากุญแจสำคัญที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของพวกเขาให้กลับมาได้เปรียบในครานี้นั้นมิใช่ใครอื่นนอนจาก เย่ชีเหวิน และการโจมตีที่อย่างฉับพลันขององค์ชาย โมเหยียน ก่อนหน้านี้นั้นช่างเป็นการกระทำที่เขานั้นมิแาจยอมรับได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะมิยอมให้มันเกิดขึ้นกับ เย่ชีเหวิน อีกครั้ง

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ไม่มีความลังเลใด ๆ และพุ่งโจมตีเข้าใส่เหล่าศิษย์ลัทธิมาร แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้จะมิใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชาย โมเหยียน หากแต่ถ้าเป็นพวกศิษย์ลัทธิมารแล้วล่ะก็ย่อมมิใช่เรื่องใหญ่อันใด

          " สวบ! "

          " สวบ! "

          " สวบ! "

คมมีดประกายแสงของ เย่ชีเหวิน ต่างฟาดฟันเข้าใส่พวกสานุศิษย์ลัทธิมารอย่างไม่หยุดยั้ง พวกมันจำนวนมากต่างต้องตกตายไปด้วยน้ำมือของเขา และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ความกดดันจำนวนมากนั้นลดลง ทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายในของสำนักยี่หยวนนั้นสามารถหายใจได้คล่องแคล่วและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์หลักนั้นต่างเริ่มอ่อนกำลังลง และดูเหมือนพวกเขาจะสามารถพ่ายแพ้ได้ตลอดเวลา รอยยิ้มที่แสนชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชาย โมเหยียน ในสายตาของเขา หากแผนการณ์ของเขาประสบความสำเร็จ แม้ต่อให้ต้องสูญเสียเหล่าสานุศิษย์ลัทธิมารไปทั้งหมดมันก็นับว่าคุ้มค่า

แต่ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้องมาจากขอบฟ้าไกล

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เป็นไงล่าซ่ากับใครไม่ซ่า
B2 : ใครกำลังจะมา?
B3 : ตัวโกง! ตัวโกง! ตัวโกง!
B4 : ศึกนี้เมื่อไหร่จบ?
B3 : โคตรรีบ!
B1,B2 :จะรีบไปไหน!
B4 : ก็ขี้เกียจอ่านไงบทตัวร้ายออกจะน่าสงสาร
B3 : ช่ะ ช่ะ ตัวร้ายโคตรน่าสงสาร จริง ๆ ไอ้เหวินน่าจะตาย ๆ ไปได้แล้วนะ
B1,B2 : ตายหน้า!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน


คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

2 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม