บทที่ 128 - เย่ฟง ร้องขอความช่วยเหลือ

เพียงชั่วพริบตาวันเวลาได้ผ่านล่วงเลยไปกว่า 2 จากเหตุการณ์ขององค์ชาย โมเหยียน เย่ชีเหวิน มิได้เข้าร่วมกลุ้มกับ จูเก้องชิงลี่ และคนอื่น ๆ และเลือกเดินตามเส้นทางของตนเอง

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ได้ออกเดินทางท่องไปทั่วทั้งราชอาณาจักรต้าเยว้ และกำจัดเหล่าศิษย์ลัทธิมารไปเป็นจำนวนมาก พวกมันนั้นได้แพร่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วและแยกย้ายกันไปโจมตีตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งจักรวรรดิ ภารกิจในการกำจัดพวกศิษย์ลัทธิมารนั้นได้เพิ่มขึ้นมาราวกับดอกเห็ด หลังจากช่วงเวลาอันแสนสงบนับ 100 ปีในที่สุดภัยพิบัติก็ได้หวนคืนสู่จักรวรรดิต้าเยว้


และไม่ได้เป็นเพียงแค่สำนักยี่หยวนเท่านั้นแต่สำนักอื่น ๆ ก็ได้ส่งกองกำลังของตนออกมาปราบปรามพวกศิษย์ลัทธิมารเหล่านี้ด้วย แม้แต่ราชวงศ์ของจักรวรรดิเองก็ยังมิอยู่เฉย พวกเขาต่างระดมกองกำลังและกลายเป็นกองทัพที่แสนน่ากลัว เพียงแค่พลเดินเท้าก็เป็นถึงยอดยุทธ์ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]จนไปถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ซึ่งด้วยความน่ากลัวของกองทัพของจักรวรรดิจึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นเครื่องจักรสังหาร


และนอกจากกองทัพของจักรวรรดิแล้วเหล่าทหารยามที่ได้ประจำการอยู่ตามท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วทั้งจักรวรรดิต้าเยว้ยังได้รับคำสั่งเดียวกัน หากผู้ใดก็ตามที่ได้ผมเห็นเหล่าศิษย์ลัทธิมารหรือแหล่งกบดานของพวกมันที่อยู่ในบริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงอนุญาติให้ฆ่าและทำลายฐานที่มั่นของพวกมันให้สิ้นซากได้ในทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งการ


ในยามนี้ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นเทียบเท่าได้กับศิษย์หลัก[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ทว่าการกลับมาของพวกศิษย์ลัทธิมารที่ห่างหายไปกว่า 100 ปีหลังจากที่พวกปีศาจจากโลกปีศาจได้รุกล้ำเข้ามายังโลกของพวกเขานั้น เย่ชีเหวิน ก็ต้องประสบปัญหาเคราะห์ซ้ำกรรมซัดและต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตายอยู่หลายครั้ง


หลังจากที่ได้ผ่านการฝึกฝนมามากกว่า 3 เดือน เย่ชีเหวิน รู้สึกราวเหมือนกับว่าได้เกิดใหม่และภายในเขตแดนของเขานั้นก็ได้มาถึงแล้วใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และความแข็งแกร่งของเขาก็สามารถบรรลุได้ถึงระดับขั้น 200 มังกร ซึ่งความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็ยังอยู่กึ่งกลางระหว่าง[ ระดับขั้นที่ 6 และ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]


ซึ่งหากเทียบกับความแข็งแกร่งของเขาเมื่อ 1 ปีก่อนแล้วนั้น ช่างไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ราวเหมือนกับว่าเป็นคนละคนกันอย่างลิบลับ


นอกจากนี้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ได้เข้าใจขั้นที่ 3 ของเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]จากขั้นที่ 2 ที่ได้บรรลุถึง[ ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด ] เขาได้เผาผลาญศิลาวิญญาณระดับกลางไปกว่า 10,000 ก้อนภายใน[ พื้นที่ลึกลับ ] จนก่อเกิดกลายเป็นรูปร่างกระบวนท่าและรายละเอียนหนาบางต่าง ๆของเคล็ดวิชา


นอกจากนั้น เย่ชีเหวิน ยังได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความเข้าใจและฝึกฝนเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ]ภายใน[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขาซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งการฝึกฝนกระบวนอย่างซ้ำ ๆ แม้ว่าจะมิได้มีความตั้งใจมากนัก แต่กลับสามารถเข้าใจได้ถึงท่วงท่าของเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ]ได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ดั่งเดิมที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด


ยิ่งกว่านั้น[ เคล็ดการต่อสู้วิชาโบราณ ]ยังถือได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ยากจะฝึกฝน แม้จะเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่งก็ยังมิอาจที่เข้าใจพได้โดยง่าย แต่สำหรับ เย่ชีเหวิน ที่มี[ พื้นที่ลึกลับ ]และตราบที่มีศิลาวิญญาณมากพอ เขาก็สามารถไขความลับของเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ]ได้มิยากเย็นนักและไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับของเคล็ดวิชาใดเมื่ออยู่ต่อหน้า[ พื้นที่ลึกลับ ]ของ เย่ชีเหวิน มันจะต้องเปิดเผยความลับของพวกมันในด้านหน้าของเขา


หากมิได้เป็นเพราะความสามารถของ[ พื้นที่ลึกลับ ] เย่ชีเหวิน คงไม่อาจเข้าใจได้แม้แต่เศษเสี้ยวของอำนาจ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้โบราณ ] ยิ่งกว่านั้นจิตวิญญาณของเขาอาจแตกซ่านได้ด้วยปรากฏการณ์อันน่าหวาดกลัวเนื้อแท้ของเคล็ดวิชานี้


ในช่วงเวลาที่ เย่ชีเหวิน ได้รับการฝึกฝนเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ] เย่ชีเหวิน ก็ต้องใช้ศิลาวิญญาณระดับกลางไปกว่า 15,000 ก้อนในการบรรลุกระบวนท่าที่ 2 [ เทพเจ้ามังกรตวัดหาง ]ใน[ ดินแดนที่ 1 ขั้นแรกเริ่ม ] ซึ่งกระบวนท่าที่ 2 นั้นมีความแตกต่างจากกระบวนท่าแรกอย่าง[ มังกรแผลงกลาย ] คือการโจมตีหมู่ที่มิใช่เจาะจง แม้ใช้เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็อาจก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้างได้ดั่งเช่นร่างของมังกรที่สะบัดหางลงไปที่พื้น เหล่าศัตรูที่อยู่ภายในเขตรัศมีของเคล็ดวิชาจะถูกจู่โจมในทันทีอย่างฉับพลันด้วยพลังอำนาจของเคล็ดวิชา


มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้ตั้งรกรากอยู่บนหุบเขา แต่ทว่าภายในหมู่บ้านนั้นกลับเต็มไปด้วยซากศพจำนวนมากเกลื่อนกราดตามท้องถนนไปหมดไม่ว่าจะมองไปที่มุมไหน อีกทั้งสภาพของพวกศพเหล่านั้นต่างก็ถูกดูดของเหลวภายในร่างออกไปหมดไม่หลงเหลือเลือดไว้สักหยดเลยแม้แต่นิดเดียว


การต่อสู้ได้เกิดขึ้น ณ ใจกลางของหมู่บ้าน


เหล่ากลุ่มสานุศิษย์ลัทธิมารต่างรวมตัวกันและสร้างเปลวเพลิงสีครามขึ้นมาโจมตีใส่พวกชาวบ้าน


          " ชูบ! "


ฉับพลันคมมีดเปล่งประกายพร้อมปลดปล่อยพลังปราณใบมีดออกมา พุ่งตรงไปยังกลุ่มของพวกศิษย์ลัทธิมาร


          " ปัง! "

          " ปัง! "

          " ปัง! "

หลายศิษย์ลัทธิมารที่ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้พ้นต่างต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ฉับพลันรูปร่าง เย่ชีเหวิน ได้หายไปเพียงชั่วพริบตา การเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างรวดเร็วและสง่างาม พร้อมหวิบหวับไปมาในกลุ่มของพวกศิษย์ลัทธมาร ซึ่งทุกครั้งที่ได้มีการปรากฏตัวของเขาเหล่าศิษย์ลัทธิมารต่างก็ถูกตัดออกเป็น 2 ส่วนทีละคน 2 คน

เย่ชีเหวิน มิได้มีความรู้สึกที่ดีมากนักต่อพวกศิษย์ลัทธิมาร ซึ่งเห็นได้ชัดต่อเจตนาฆ่าพลุ่งพล่านอยู่ภายในดวงตาของเขา ไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นที่สามารถหยุดเขาไม่ให้สับพวกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้

          " ฉั๊วะ! "

          " ฉั๊วะ! "

          " ฉั๊วะ! "


ทุก ๆ ที่ ที่คมมีดประกายแสงฟาดฟัน ต่างก็มีเลือดสาดกระเซ็นออกมาไปทั่วทุกทิศทาง

ณ เวลานี้พวกมารต่างได้รู้ถึงความหวาดกลัวแล้วในขณะที่พวกมันนั้นกำลังถูกฆ่าราวกับผักปลา เฉกเช่นเดียวพวกชาวบ้านที่ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างน่าสงสาร แต่ทว่า เย่ชีเหวิน มิให้โอกาสพวกมันแม้แต่จะสำนึกผิดในสิ่งที่พวกมันทำ ประกายแสงสะท้องกับคมมีดบังเกิดเป็นคมมีดประกายแสงพุ่งตรงเข้าใส่พวกมันและแบ่งพวกมันขาดครึ่งในทันที


เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั่น ๆ เย่ชีเหวิน สามารถสังหารพวกศิษย์ลัทธิมารจนหมดทุกคนได้อย่างง่ายดาย


เย่ชีเหวิน ถอดถอนหายใจกับการฆ่าฟันไม่เลือกหน้าของพวกศิษย์ลัทธิมารที่ซุกซ่อนกำลังของตนมามากกว่า 100 ปี การสะสมพละกำลังมาอย่างยาวนานทำให้พวกมันมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจนน่าหวาดกลัวและมิอาจที่จะจินตนาการได้ นี่ยังมิรวมถึงพวกศิษย์ลัทธิมารที่ยังคงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเขตนอกพื้นที่ของจักรวรรดิต้าเยว้


อนึ่งพวกศิษย์ลัทธิมารนั้นมีกำลังพลที่ใหญ่มาก เพราะการเผยแพร่ลัทธิของพวกมันนั้นได้แพร่พรายไปทั่วทั้ง[โลกของการต่อสู้ที่แท้จริง] ซึ่งโดยรวมแล้วทั้งจำนวนและความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นย่อมมีมากกว่าสำนักยี่หยวนอย่างแน่นอน


และพวกศิษย์ลัทธิมารที่อยู่ภายในจักรวรรดิต้าเยว้ ก็เป็นเพียงแค่ 1 ในสาขาของลัทธิที่มีอยู่อีกเป็นจำนวนมากมายเท่านั้น


เย่ชีเหวิน ได้ท่องบทสวดส่งวิญญาณให้กับเหล่าบุคคลที่ตายไปอย่างน่าสงสาร สำหรับชาวบ้านที่ถูกฆ่าอย่างมิใยดีโดยพวกศิษย์ลัทธิมาร เมื่อท่องเสร็จ เย่ชีเหวิน ก็ได้เรียกนกกระเรียนหัวแดงลงมาเพื่อรับเขากลับไปยังสำนักยี่หยวน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาได้จัดการกับภารกิจที่เขาได้รับมาไปแล้วเป็นจำนวนมาก


รางวัลจากภารกิจที่เขาได้รับนั้นมากมายมหาศาลและส่วนใหญ่มันมักจะเกี่ยวข้องกับพวกศิษย์ลัทธิมาร ซึ่งเพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ได้รับศิลาวิญญาณระดับกลางมาแล้วมากกว่า 3,000 ก้อน โดยเพียงแค่ทำภารกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากพิจารณาสถานะของเขาในตอนนี้แล้วนั้นมันก็อาจกล่าวได้ว่ามิได้มากหรือน้อยเกินไปแต่อย่างใด


แต่ทว่าในขณะนั้นเองก็ได้มีประกายแสงสาดส่องมาจากท้องฟ้าและพุ่งตรงลงที่มือของเขา มันคือ[ยันต์ส่งสาร]คุณภาพสูงที่ทั้งมีคุณภาพและระยะทางการส่งข้อมูลที่ไกลกว่ายันต์สามัญของเขาก่อนหน้านี้มากนัก


ฉับพลัน เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่ามันคือ[ยันต์ส่งสาร]ที่มีราคาสูง มูลค่าของมันตกอยู่ราว 300 ศิลาวิญญาณระดับกลางต่อ 1 ใบ แต่แน่นอนว่าประสิทธิภาพของมันนั้นห่างไกลจาก[ยันต์ส่งสาร]ธรรมดาสามัญอย่างลิบลับ ด้วยข้อความที่สามารถส่งได้ไกลขึ้นนับหลายเท่าทั้งยังมีความรวดเร็วและมูลข่าวสารที่ถูกต้อง


เย่ชีเหวิน ได้ถ่ายพลังปราณหยวนเข้าไปใน[ยัตน์ส่งสาร]ฉับพลันข้อความที่อยู่ภายในก็ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา


          " น้องเล็กพวกเราศิษย์พรรค[เฉินยู้]จำนวนมาก ได้ตกอยู่ในหลุมพรางของศัตรูและถูกจับไว้ที่คุก ณ ใจกลางของเมืองพันเกาะในขณะนี้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยโดยเร็ว! "


และเมื่อ เย่ชีเหวิน เห็นนามที่จารึกไว้ในข้อความนั้นคือ " เย่ฟง "


ฉับพลันหลังจากที่ได้อ่านข้อความความทุกข์ใจของเหล่าสานุศิษย์[พรรคเฉินยู้]จำนวนมากก้ได้หลังไหลเข้ามาภายในจิตใจของ เย่ชีเหวิน พร้อมภาพและข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับเมืองพันเกาะปรากฏขึ้นภายในใจของเขา หลังจากที่ได้เข้ามาภายใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]โครงสร้างร่างกายของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมากและแน่นอนว่าสมองเองก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ทั้งความฉลาดและการอ่านคนรวมไปถึงความจำต่างก็อยู่ในระดับที่ดีมากในชนิดที่ว่าแตกต่างจากเหล่าคนธรรมสามัญอย่างลิบลับ ซึ่งแน่นอนว่าจดหมายฉบับนี้นั้นเขาจะจำไม่มีวันลืน


เมืองพันเกาะนั้นตั้งรกรากอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิต้าเยว้และถูกรายล้อมไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่ น้ำทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่คอยกัดเซาะชายฝั่งจนปรากฏกลายเป็นจำนวนหมู่เกาะจำนวนมากและเมืองก็ได้ตั้งอยู่บนเกาะเหล่านั้นจึงเป็นที่มาของเมืองพันเกาะ


สถานที่ของมันก็นับว่าอยู่ห่างไกลมากจากสำนักยี่หยวนอยู่ไม่น้อย เย่ชีเหวิน จึงมิได้มีเวลามากนักเขาได้เรียก[นกกระเรียนหัวแดง]และรีบกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังของมันพร้อมมุ่งหน้าไปยังเมืองพันเกาะในทันทีด้วยความเร็วสูงสุด


ทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของจักรวรรดิต้าเยว้นั้นช่างกว้างใหญ่ไพรศาลและเต็มไปด้วยผืนน้ำของทะเลสีครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งต่างก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงจุดสิ้นสุดของมัน นอกจากนี้มันยังมิได้มีความกว้างใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ภายในทะเลตะวันออกแห่งนี้นั้นยังคงเต็มไปด้วยเหล่าขุมกำลังและผู้มีอิทธิพลเป็นจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นภายใต้ความลึกของน้ำทะเลต่างก็มีปีศาจที่ทรงพลังอำนาจอยู่มากมาย นี่ยังไม่รวมถึงเหล่าสัตว์ปีศาจที่มีสติอันชาญฉลาด แม้ว่าพวกสัตว์เหล่านี้จะถูกนับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนด้อยที่สุดในโลกปีศาจและมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดบนผืนดิน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มิได้ถูกอนุญาติให้มีชีวิตอยู่หรือเหยียบเข้าไปภายในดินแดนโลกปีศาจ ซึ่งยิ่งกว่านั้นภายในส่วนลึกของทะเลตะวันออกต่างก็เป็นที่ซุกซ่อนของพวกเหล่าปีศาจยักษ์มารทั้งหลาย ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]ก็ยังมิอยากย่างกายเขาไปในที่ซุกซ่อนของพวกมัน


ในระดับความลึกของทะเลตะวันออก ถูกกล่าวขานว่าเป็นสถานที่อันตรายที่ไม่ควรย่างกายสำหรับมนุษย์ แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ต่างก็ไม่ถูกอนุญาตให้รุกล้ำเข้าไปภายในเขตพื้นที่ส่วนลึกของทะเลตะวันออกและเป็นที่หวงห้ามสำหรับศิษย์ธรรมดาทั่วไป


แต่มันก็หาได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ ในรัศมีที่ห่างออกไปจากแนวชายฝั่งทางทะเลตะวันออกนับ 3,000 ลี้ ได้มีการรวมตัวกันของกองกำลังขนาดใหญ่ซึ่งถูกนำโดยมนุษย์ที่แม้แต่เหล่าสัตว์ปีศาจที่แสนดุร้ายก็ยังมิกล้าที่จะย่างกายเข้าใกล้


และในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้มี[นกกระเรียนหัวแดง]บินพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ด้วยระยะห่างจากตะวันตกเฉียงใต้จนไปถึงเมืองพันเกาะนั้น คาดว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 1 วันเต็ม เย่ชีเหวิน มีความรู้สึกกังวลและร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะจากที่เขาได้รับรู้มาเกี่ยวกับภารกิจเมืองพันเกาะนั้นดูเหมือนว่าจะได้ถูกยึดโดยพวกศิษย์ลัทธิมารไปแล้วและการที่ เย่ฟง และคนอื่น ๆ รับทำภารกิจนี้มีความเป็นไปได้ที่ว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญหน้ากับพวกศิษย์ลัทธิมารจำนวนมากและอาจตกอยู่ในอันตราย


หลังจากที่ได้บินมานานกว่าครึ่งวัน ม่านฟ้ายามราตรีก็ได้ปกคลุ่มไปทั่วท้องฟ้าและระยะทางไปยังเมืองพันเกาะก็ได้เริ่มปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกจาง ๆ


นับจากที่เมืองพันเกาะตั้งได้รกรากอยู่ใกล้กับทะเลมาเป็นเวลานานทำให้มันถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกที่หนาทึบ


แต่เริ่มเดิมทีภายในเมืองพันเกาะนั้นได้มีผู้คนอาศัยอยู่นับล้านคน แต่ทว่าในยามนี้มันกลับไม่มีวี่แววของพวกคนเหล่านั้นอยู่เลย ภายใต้ยามราตรีอันแสนมืดมิดแต่กลับมีเสียงกู่ร้องของพวกสัตว์ปีศาจดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศทาง


เย่ชีเหวิน กระโดดลงมาจากด้านหลังของ[นกกระเรียนหัวแดง]ทั้งที่ยังคงบินอยู่บนฟ้า


แต่ทว่าในทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้ย่างกายลงบนเกาะ เหล่าฝูงกบทะเลจำนวนมากก็ได้เข้ารายล้อมเขาอย่างฉับพลันและพวกมันก็ได้รีบพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ซึ่งแม้ว่ากบทะเลจะถูกจัดว่าเป็นสัตว์ปีศาจระดับต่ำ แต่ปัญหาของนั้นอยู่ที่จำนวนอันมหาศาลของพวกมัน หากมีเพียงแค่ตัวเดียวมันก็มิได้นับว่าเป็นปัญหามากมายอะไรนัก แต่ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับพวกมันนับ 100 นับ 1,000 ในคราเดียว มันก็อาจสร้างความหวาดกลัวให้แก่เหล่าจอมยุทธได้


ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่นั้นมักจะหลีกเลี่ยงเมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้!


แต่ทว่าบุคคลที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นคือ เย่ชีเหวิน เขาไม่สูญเสียเวลาใด ๆ เลยแม้แต่น้อยในการกำจัดพวกมัน!


เขาพุ่งตัวออกไปยังเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงพร้อมกับระเบิดพลังปราณที่รุนแรงแพร่พรายออกมาจากร่างกายของเขา


          " ตูม! "


เหล่าบรรดากบทะเลที่ได้สัมผัสกับชั้นพลังปราณรุนแรงนี้ต่างก็ระเบิดหายไปกลายเป็นฝุ่นผงในทันที


เย่ชีเหวิน สามารถผ่านพวกมันไปได้อย่างมิยากเย็นนัก นับว่าเป็นโชคดีสำหรับเขาที่จำนวนของกบทะเลนั้นมิได้มีมากมายอะไรนักเพราะที่ปรากฏอยู่นี้ยังมิใช่ทั้งหมดที่แท้จริงของพวกมัน มันจึงมิได้เป็นปัญหาสำหรับเขา


เย่ชีเหวิน ได้แพร่ขยายพลังปราณที่รุนแรงของเขาออกไปเป็นวงกว้างรอบ ๆ ร่างกายของเขา ตราบใดที่กบทะเลกล้าที่จะสัมผัสมัน พวกมันจะถูกทำให้กลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที


เย่ชีเหวิน กระโดดขึ้นไปบนหลังคาของสิ่งปลูกสร้างและมุ่งหน้าตรงไปยังใจกลางของเมืองพันเกาะ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสัมผัสกระแสพลังปราณขนาดใหญ่ที่แพร่พรายอย่างบ้าคลั่งได้จากที่นั่น


เย่ชีเหวิน คาดการณ์ว่าหากเหล่าศิษย์ของ[พรรคเฉินยู้]ยังคงมีชีวิตอยู่ มันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจอยู่ภายใต้กระแสพลังปราณที่ยิ่งใหญ่นั่น


เย่ชีเหวิน ไม่มีความลังเลใด ๆ และรีบมุ่งหน้าไปยังใจกลางของเมืองพันเกาะ


แต่อย่างไรก็ตามด้วยสภาพแวดล้อมของเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหมู่เกาะจำนวนมาก จึงทำให้พวกมันถูกคั้นเอาไว้ด้วยผืนน้ำของท้องทะเล ทำให้คนที่ไม่สามารถบินได้อย่าง เย่ชีเหวิน นั้นต้องก้าวเดินไปบนด้านบนของหลังคา


#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เอาเว้ย ๆ ได้เวลาทดลองวิชากันหน่อยแล้ว

B2 : บู๊กันแบบติด ๆ เลยนะ
B1 : โครตมัน
B3 : ครั้งนี้ของให้มีตัวเก่ง ๆ ปรากฏมาทีเถอะ
B1 : ต่อให้มาเป็น 10 พี่เหวิน ก็ตบเรียบครับ
B2 : เอาศิษย์ที่แท้จริงมาเลยก็ได้นะ พอดีว่าทางนี้มีสกิลพระเอกยังไงก็ไม่ตายดีแต่จะทำให้เก่งขึ้นอีกต่างหาก 55555
B3 : หื่ย!!!!!!!!!!!!!!
B4 : เอาน่าแพ้เป็นพระชนะเป็นมาร
ฺB3 : นี่[ก.]ก็แพ้จนจะบรรลุอรหันต์อยู่แล้วนะ B4
B4 : อุ๊ปซ!!!!!
ฺB1,B2 : 55555 ไอ้ขี้แพ้

#########################################################

เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม