บทที่ 129 - สังเวยเมืองพันเกาะ

เย่ชีเหวิน ใช้เวลาไม่นานนักในการมาถึงยังใจกลางของเมืองพันเกาะ แต่ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึง[พลังปราณปีศาจ]ที่แฝงอยู่ภายในชั้นบรรยากาศโดยรอบอีกทั้งเขายังสามารถสัมผัสได้ถึงการจัดแนวรูปขบวนการรบขนาดใหญ่

          " พี่ใหญ่! " เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมกับใช้[พลังปราณหยวน]ส่งคลื่นสะเทือนออกไปกับชั้นบรรยากาศ ซึ่งทำให้น้ำเสียงของ เย่ชีเหวิน นั้นแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

แม้ว่ามันจะมีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าของ ลู่ยี่ฟาน แต่ภายในรัศมี 10 - 20 ลี้ พวกเขาจะสามารถได้ยินน้ำเสียงของ เย่ชีเหวิน ได้อย่างจัดเจน

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้เปลี่ยนพลังปราณภายในร่างให้กลายเป็น[พลังปราณหยวน] มันทำให้ความสามารถรอบด้านของ เย่ชีเหวิน เพิ่มขึ้นจนถึงในระดับที่น่าหวาดกลัว แม้เพียงแค่น้ำเสียงที่พูดออกไปอย่างเรียบง่ายก็อาจกลายเป็นเสียงคำรามที่สามารถสั่นสะเทือนชั้นบรรยากาศโดยรอบในรัศมีหลายลี้ได้

          " ก๊า! " เสียงกรีดร้องอันคมชัดของนกฮูกได้แพร่พรายออกไปทั่วทิศทางพร้อมร่างของพวกมันก็ได้ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอันมืดมิด เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวช พวกมันทั้งหมดต่างตกตายด้วยคลื่นเสียงของ เย่ชีเหวิน

          " น้องเล็ก! นั่นเจ้าใช่หรือไม่ พวกเราอยู่ที่นี่! " น้ำเสียงของ เย่ฟง ดังออกมาจากทิศทางหนึ่ง ซึ่งมุ่งตรงมาทางเขา เย่ชีเหวิน ไม่มีความลังเลใด ๆ แล้วรีบมุ่งตรงไปยังต้นต่อของเสียงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น เหล่าสัตว์ปีศาจและ[ศิษย์ลัทธิมาร]ที่ขวางทางเขาต่างก็ถูกฆ่าอย่างไม่ใยดี

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของพวกมันแล้ว บางที เย่ฟง และคนอื่น ๆ อาจจะมิได้มีความแข็งแกร่งมากมายนัก จึงมิสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างรวดเร็ว เย่ชีเหวิน จึงได้เพียงแค่หวังว่าภายในเมื่องพันเกาะนี้คงจะมิได้มีผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]เป็นผู้บังคับบัญชาการ

หลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงของ เย่ฟง , เย่ชีเหวิน ก็ได้ตะโกนขานรับด้วยน้ำเสียงที่ปลื้มปิติยินดี " พี่ใหญ่โปรดรอสักครู่ ข้ากำลังไปช่วยท่านแล้ว " รูปร่างของ เย่ชีเหวิน ได้มลายหายไปและรีบพุ่งตรงไปยังทิศทางของเสียง เย่ฟง แต่ทว่าในขณะนั้นเองมันก็ได้ปรากฏค่ายกลขึ้นปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้ ซึ่งมันเต็มไปด้วยเหล่า[ภูมิปีศาจมายา]จำนวนมากพร้อมกับ[ศิษย์ลัทธิมาร]และพวกสัตว์ปีศาจที่ผสมปนเปกัน

นอกจากนี้พวก[ภูมิปีศาจมายา]ทั้งหมดยังล้วนแล้วแต่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]ก็ยังคงอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 4 และ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และไม่เพียงแค่นั้นมันยังคงมีพวก[มารยักษ์ใหญ่]ที่ยังอยู่แม้แต่ใน[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ซึ่งในหมู่ของพวกมันก็ยังมี[ผู้นำของมารยักษ์ใหญ่]ปะปนอยู่ด้วยและย่อมเป็นที่แน่นอนว่าระดับความแข็งแกร่งของ[ผู้นำมารยักษ์ใหญ่]นั้นมั่นเหมาะที่จะอยู่ในระดับที่สูงมาก

          " เจี่ย เจี่ย ช่างนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่พวกเราเลือกที่จะดักพวกศิษย์สำนักยี่หยวนที่นี่ และในตอนนี้พวกเราก็สามารถคาดหวังได้แล้วว่าพวกศิษย์สำนักยี่หยวนมันจะต้องมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือสหายของพวกมัน และเราก็จะใช้โอกาศนั้นฆ่าพวกมันเสียให้หมดสิ้น " [มารยักษ์ใหญ่]ตนหนึ่งกล่าวออกมาพลางแลบลิ้นสีแดงเข้มเลี่ยลิมฝีปากของมันด้วยรอยยิ้มอันแสนชั่วร้าย

เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้ยินเช่นนั้น ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจว่าทำไม เย่ฟง ถึงได้ส่งข้องความขอความช่วยเหลือผ่าน[ยันต์ส่งสาร]มาหาเขา นั่นก็เป็นเพราะว่านี่คือแผนการของพวกมันที่จะล่อศิษย์ของสำนักยี่หยวนให้มาติดกับและฆ่าพวกเขาในทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตามที่นี่มันมีพวกเผ่าปีศาจและ[ศิษย์ลัทธิมาร]มากเกินไป หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่าที่นี่อาจเป็นฐานที่มั่นหลักของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]

ในเวลานี้ความคิดนับไม่ถ้วนได้หลั่งไหลเข้ามาภายในหัวของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขานั้นกำลังยืนอยู่ในด้านหน้าของหลุมพรางขนาดใหญ่ที่มีไว้เพื่อดักศิษย์ของสำนักยี่หยวนโดยเฉพาะ

แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขานั้นจะมิมีทางเลือกอื่น เพื่อที่จะช่วย เย่ฟง และคนอื่น ๆ เขาจำเป็นที่จะต้องดาหน้าเข้าไปแม้จะต้องติดอยู่ภายในหลุมพรางของพวกมันก็ตาม หากแต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้เขาจะต้องไปพบกับ เย่ฟง และคนอื่น ๆ ให้ได้ก่อนหลังจากนั้นค่อยหาทางออกจากหลุมพรางนี่ทีหลัง

          " ไอ้พวกปีศาจสารเลวเอ้ย! " เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมร่างที่ก้าวออกไปยังเบื้องหน้าและกลายเป็นเส้นแสงหวับหายไป ถัดมาเขาก็ได้ปรากฏอยู่ด้านบนของชั้นบรรยากาศเหนือค่ายกลของพวกมันพลางฟาดฟันคมมีดยาวออกไป คมมีดประกายแสงขนาดใหญ่ยาวกว่างนับ 10 เมตรได้พุ่งตรงเข้าใส่ค่ายกลของพวกมัน

          " ปัง! "

          " ปัง! "

          " ปัง! "

แม้ว่าพวก[ภูมิปีศาจมายา]จะพยายามที่จะป้องกัน หากแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคมมีดประกายแสงที่มีขนาดใหญ่และน่ากลัวเช่นนี้แล้ว ร่างกายของมันก็ได้ถูกตัดออกเป็นสองในทันทีโดยไร้ทางต่อต้าน

          " ตูม! " คมมีดประกายแสงที่มีความยาวนับ 10 เมตร ได้พุ่งตรงเข้าใส่ค่ายกลของพวกัน หากแต่ค่ายกลที่มีขนาดใหญ่ของพวกมันนั้นก็หาได้สั่นคลอนไม่

จากส่วนที่ลึกที่สุดของค่ายกลต่างก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดของพวกมันออกมา ซึ่งเห็นได้อย่างชัดว่าการโจมตีด้วยคมมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นยังคงอยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่จะทำให้พวกมันนั้นรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวได้

ในส่วนที่ลึกที่สุดของค่ายกลปีศาจขนาดใหญ่ ที่ด้านข้างของพวกมันได้มีอาคารขนาดเล็กตั้งอยู่ ซึ่งผู้ที่อยู่ภายในนั้นกลับมีดวงตาที่เปรียบได้ดั่งคู่ของโคมไฟขนาดใหญ่และมีกลิ่นอายของ[พลังปราณปีศาจ]ที่เชี่ยวกราดไหลผ่านอยู่รอบข้างดั่งคลื่นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกอันหนาวเย็นและน่าหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ในชนิดว่าไม่สามารถสัมผัสได้จากพวก[ภูมิปีศาจมายา]หรือแม้แต่พวก[มารยักษ์ใหญ่]

          " ท่านแม่ทัพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ในตอนนี้ศิษย์[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ของสำนักยี่หยวนได้มาถึงที่นี่แล้ว! " ในยามนี้[มารยักษ์ใหญ่]ที่เดินออกมาจากสถานที่อันน่าหวาดกลัวได้รายงานเกี่ยวกับการมาถึงของ เย่ชีเหวิน 

          " มาคนเดียว? หึก็ดีกว่าไม่มีอะไร! " รูปเงาปีศาจขนาดใหญ่อันน่าเกรงขามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง

          " เป้าหมายของพวกเราคือการฆ่าไอ้พวกมนุษย์ ยิ่งฆ่าพวกมันได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อแผนการของเรามากเท่านั้น และที่สำคัญนี่มันพึ่งแค่เริ่มต้น แต่ก็อย่าให้ไอ้เจ้าพวกเด็กที่มันติดอยู่ในค่ายกลของเราตายไปเสียก่อนล่ะ เรายังจำเป็นที่จะต้องใช้มันเพื่อล่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของพวกมันมาที่นี่! " ปีศาจรูปร่างขนาดใหญ่อันน่าเกรงขามกล่าวพร้อมหัวเราะ

เหล่า[ภูติปีศาจมายา]และ[มารยักษ์ใหญ่]จำนวนมากต่างเข้าห้อมล้อม เย่ชีเหวิน เช่นเดียวกับพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]กลิ่นอายอันหนาแน่นของพวกมันได้กดทับลงบนร่างของ เย่ชีเหวิน

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน เองก็ได้ร้องตะโกนพร้อมปล่อยฝ่ามือออกไป ฉับพลันมังกรขดกู่ร้องคำรามพลางทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกรขดที่ถูกสร้างขึ้นโดย[พลังปราณหยวน]ได้เข้าขดล้อมรอบร่างกายของ เย่ชีเหวิน เอาไว้ ราวเหมือนกับว่ามันเป็นมังกรที่มีชีวิตจริง ๆ ด้วยพลังอำนาจอันเหลือล้นของมันทำให้พวก[ภูมิปีศาจมายา]และนกฮูกทมิฬจำนวนมากต้องตกตายลงด้วยแรงกดดันของ[พลังปราณมังกร]

[พลังปราณปีศาจ]ถือเป็น[พลังงานหยิน]ที่มืดมิดที่สุดในโลก ซึ่งตรงกันข้ามกับมังกรที่เป็นผู้ปกครองสวรรค์และสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งผืนปฐพี อีกทั้งมังกรยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกียรติและน่าเกรงขามผู้ซึ่งครอบคราง[พลังงานหยาง]อันยิ่งใหญ่ในรูปแบบของ[พลังปราณมังกร]

เหล่าปีศาจที่มีขนาดเล็กและอ่อนแอ ต่างถูกทำให้สลายหายไปในทันทีด้วย[พลังปราณที่รุนแรงของมังกร] และแม้ว่ามันจะเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งอย่าง[มารยักษ์ใหญ่] แต่ทันทีที่มันได้สัมผัสเข้ากับมังกร ร่างของพวกมันจะถูกแผดเผาจนเป็นไหม้เกรียมในทันที

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสำหรับ เย่ชีเหวิน ในการใช้เคล็ดวิชา[มังกรแผลงกาย] เขาจำเป็นที่จะต้องเผาผลาญ[พลังปราณก่อเกิด]ไปถึง 10% แต่ทว่าหลังจากที่[พลังปราณก่อเกิด]ภายในร่างของเขาในตอนนี้ได้ผันแปรกลายเป็น[พลังปราณหยวน]จึงทำให้อัตราการเผาผลาญของเคล็ดวิชานั้นลดน้อยลง แม้ว่าภายในร่างของเขาในตอนนี้จะผันแปร[พลังปราณหยวน]ไปได้ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่นั่นมันก็มากพอที่จะทำให้เขาใช้เคล็ดวิชา[มังกรแผลงกาย]ได้ตราบเท่าที่เขานั้นต้องการ ทั้งที่ก่อนหน้าการจะใช้มันออกมาในแต่ล่ะครั้งยังต้องคิดแล้วคิดอีก แต่ทว่าในยามนี้เขาสามารถใช้มันออกได้ตามที่เขานั้นต้องการ ซึ่งนี่เป็นผลจากการฝึกครั้งล่าสุดของเขา
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชา[ เทพเจ้ามังกรตวัดหาง ] มันจำเป็นที่จะต้องใช้[พลังปราณหยวน]ในระดับที่มากมายมหาศาล ด้วยลำพัง[พลังปราณหยวน]ที่เขามีอยู่ในตอนนี้ เขาจำเป็นที่จะต้องจ่ายมันออกไปถึงครึ่งเพื่อที่จะใช้มัน มันจึงนับว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้บ่อยนัก เหมือนดั่งเคล็ดวิชา[มังกรแผลงกาย]ที่เขาไม่สามารถนำมันออกมาใช้ได้บ่อยครั้งในก่อนหน้านี้

ร่างกายของ เย่ชีเหวิน ถูกปกคลุมไปด้วย[พลังปราณของมังกร]ที่ประดุจดั่งเหมือนชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางฝูงทะเลของพวกปีศาจนับร้อยนับพัน พวกมันมิสามารถเข้าใกล้ เย่ชีเหวิน ได้เลยเพียงเพราะ[พลังปราณมังกร]ที่ล้อมรอบร่างกายของ เย่ชีเหวิน เอาไว้เหล่าปีศาจบางตัวที่พยายามจะเข้าใกล้หรือโจมตี พวกมันต่างก็จะถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟอันร้อนแรงและส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช เย่ชีเหวิน ได้ใช้เคล็ดวิชาคมมีดอันล้ำลึกของเขาฟาดฟันออกไปอย่างไร้ความปราณี โดยเฉพาะกับเหล่าปีศาจที่ได้รับบาดเจ็บจาก[พลังปราณของมังกร] พวกมันไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะหลบการโจมตีของ เย่ชีเหวิน และถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน

ยิ่งกว่านั้นมังกรขดที่ขดอยู่รอบร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็ยังดูเหมือนว่าร่างของมันจะถูกสร้างขึ้นมาจาก[พลังปราณวิญญาณ]อันบริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่กรงเล็กของมันได้คว้าจับลงบนร่างของพวกปีศาจ ร่างกายของพวกมันจะระเกิดออกในทันทีและกลายเป็นผุยผง

ก่อนหน้า เย่ชีเหวิน เองก็มิได้คาดคิดว่า[พลังปราณของมังกร]จะเปรียบเสมือนเป็นได้ดั่งฝันร้ายของพวกมัน ยิ่งกว่านั้นเขายังพึ่งสังเกตเห็นว่าแม้แต่พวกปีศาจที่อยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรือน้อยกว่านั้นที่พยายามเข้าใกล้เขาต่างก็ถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ จึงกลายเป็นโอกาสสำหรับ เย่ชีเหวิน ที่จะสังหารพวกมันลงได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่พวกปีศาจ[ ระดับขั้นที่ 6 หรือ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ในตอนนี้ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน เพียงอาศัยการป้องกันจาก[พลังปราณของมังกร] ก็ไม่มีปีศาจหน้าไหนที่จะสามารถเข้าใกล้เขาได้ และไม่ว่าปีศาจหน้าไหนที่พยายามจะเข้าใกล้ร่างของพวกมันจะถูกแผดเผาลงจบลงด้วยคมมีดของ เย่ชีเหวิน แม้แต่ผู้นำของพวก[มารยักษ์ใหญ่]ที่เป็นถึงปีศาจ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ก็ยังมิสามารถเข้าใกล้เขาได้

แต่ถึงอย่างนั้น เย่ชีเหวิน เองก็ได้ล่วงรู้ถึงขีดจำกัดของตนว่าเขานั้นมิสามารถตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้นานนัก เพราะอัตราการใช้[พลังปราณหยวน]มันอยู่ในระดับที่มากเกินไป แม้ว่า[พลังปราณหยวน]ภายในร่างของเขาจะแข็งแกร่งและล้ำลึกกว่านับหลายเท่าเมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่เขาก็ไม่สามารถติดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้นาน เพราะมันจะยิ่งแต่เผาผลาญพลังปราณของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนของพวกปีศาจมันมีมากจนเกินไป หากเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้อาจมิใช่เรื่องใหญ่อันใดสำหรับพวกเขา หากแต่มันเป็นปัญหาสำหรับ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นเขายังมิทราบอย่างแน่นอนว่าพวกปีศาจพวกนี้นั้นมันโพล่หัวออกมาจากไหนถึงได้มากมายถึงเพียงนี้ ราวเหมือนกับว่าจำนวนของพวกมันนั้นมีไม่สิ้นสุด

เย่ชีเหวิน แอบคาดเดาว่าบางทีนี่อาจมิได้เป็นเพียงแค่ฐานที่มั่นของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]แต่มันอาจเป็นอะไรที่มากกว่านั้น หากที่นี่เป็นทางผ่านเชื่อมต่อระหว่างประตูนรกก็มีความเป็นไปได้ที่ว่าพวกมันอาจจะมาจากอีกด้านหนึ่งของประตู มิฉะนั้นแล้วคงหาข้ออธิบายมิได้ว่าเหตุใดพวกมันถึงได้มีจำนวนที่มากมายถึงเพียงนี้

โดยทั่วไปหากปีศาจจำนวนมาดถูกส่งผ่านมาจากประตูเชื่อมต่อระหว่างโลกปีศาจมันก็ต้องได้รับการตรวจพบแล้วในขณะนี้

เย่ชีเหวิน เริ่มเป็นกังวลมากขึ้นพลางเข้าใจว่าเขานั้นมิสามารถล่าช้าได้อีกต่อไป เขาไม่จำเป็นที่จะต้องมาสูญเสียพลังงานไปโดยป่าวประโยชน์กับจำนวนของพวกปีศาจที่มากมายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดพวกนี้ เขาได้ยิ่งฝ่ามือของเขาออกไปพร้อมปรากฏมังกรบินพุ่งตรงออกมาจากฝ่ามือของเขา 2 กรงเล็บที่น่ากลัวของมันได้พุ่งทะลวงเข้าสู่ค่ายกลของพวกปีศาจ

          “ หวืบ! ” ค่ายกลได้เปิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เย่ชีเหวิน จึงใช้โอกาสนี้ในการพุ่งทะลวงเข้าไปอย่างรวดเร็วราวเหมือนดั่งศรที่ถูกยิ่งออก แต่ทว่าในขณะเดียวกันหลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้พุ่งตัวเข้าไปยังภายในค่ายกล เหล่าฝูงปีศาจจำนวนมากก็ได้บีบตัวเข้าหากัน จนในท้ายที่สุดค่ายกลของพวกมันก็ได้กลับมาเป็นเหมือนดั่งสภาพเดิมอีกครั้ง

หลังจากที่ค่ายกลได้บีบตัวลง เย่ชีเหวิน ก็ได้ติดอยู่ภายใน แต่ทว่าในเวลาต่อมาเขาก็ได้พบกับคนของ[พรรคเฉินยู้] ซึ่งถูกลายรอบไปด้วยพวกปีศาจจำนวนมาก อีกทั้งสถานการณ์ของพวกเขายังติดอยู่ในสภาวะการสู้รบตลอดเวลา ภายใต้การนำโดยเสียงขลุ่ยแห่งมนต์ตราของ จางซุนยวี้หยิน

เย่ชีเหวิน ได้พบเห็น เย่ฟง , เย่หรูเชว่ , จางหยาง , จางซุนยวี้หยิน , เหยียนชือหลิง และเหล่าคนอื่น ๆ ที่มีใบหน้าอันแสนคุ้นเคย เกือบทั้งหมดในที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นสหายของเขาทั้งสิ้น หากสังเกตดูดี ๆ พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นการรวมตัวกันของเหล่าบุคคลชั้นนำที่เปรียบเสมือนเป็นดั่งเสาหลักของ[พรรคเฉินยู้]

ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดถูกกำจัดลงที่นี่ นั่นก็เท่ากับว่า[พรรคเฉินยู้]ของพวกเขานั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว!


          " พี่ใหญ่เหตุใดท่านถึงมาที่นี่! " เย่ชีเหวิน รีบเข้าไปแล้วกล่าวถาม


          " มันเป็นความผิดของข้าเองที่กระทำการโดยประมาท โดยที่มิได้พิจารณาถึงความปลอดภัยของทุกคนและหลงคิดว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ! " เย่ฟง ว่ากล่าวพร้อมถอดถอนหายใจ


          " นั่นหาได้เป็นความผิดทั้งหมดของท่านไม่ พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่วางแผนที่จะมาที่นี่ร่วมกัน เพียงแต่พวกเรานั้นกลับมิได้คาดคิดเลยว่าพวกมันจะฉลาดหลักแหลมและมีไหวพริบมากถึงเพียงนี้! " เหยียนชือหลิง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง
จากนั้น เย่ชีเหวิน ก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดจาก เย่หรูเชว่ และเรียงลำดับจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อหลายวันก่อนศิษย์ของ[พรรคเฉินยู้]ได้ทราบข่าวว่าชาวบ้านของเมืองพันเกาะนั้นได้ถูกรุกรานโดน[ศิษย์ลัทธิมาร]พวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะมาตรวจสอบ
ต่อมา เหยียนชือหลิง ก็ได้ทราบข่าวถึงเรื่องนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้ทุกคนมีส่วนร่วมเกี่ยวกับแผนการในครั้งนี้ และถือว่านี่เป็นการปฏิบัติภารกิจกลุ่มครั้งแรกของพวกเขา[พรรคเฉินยู้]นับตั้งแต่ที่ได้มีการก่อตั้งมา แต่เมื่อคำนึงถึงความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นพวกเขาจึงได้นำมาเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ทั้งหมดของ[พรรคเฉินยู้]มาเพียงเท่านั้น
ตามข้อมูลที่พวกเขาได้รับดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงแค่การโจมตีธรรมดาของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]เท่านั้น พวกเขาจึงมิได้ใส่ใจอะไรกับมันมากนัก แต่หาได้รู้ไม่ว่าพวกเขานั้นกำลังเดินทางสู่ปากเหวแห่งขุมนรก ทันทีที่พวกเขาได้าถึงยังเมืองพันเกาะ พวกเขาทุกคนก็ต้องได้พบกับความจริงที่ว่าเมืองทั้งเมืองได้กลายเป็นสถานที่รกร้างไปแล้ว ผู้คนนับล้านต่างถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นและกลายเป็นเครื่องสังเวยเลือด และในทันทีที่พวกเขาได้รับรู้ถึงความจริงในข้อนี้มันก็สายเกินไป ในขณะที่พวกเขากำลังพยายามที่จะหลบหนี พวกเขาทั้งหมดก็ได้ติดอยู่ภายในค่ายกลของพวกมันแล้ว


          " นี่ท่านพูดอะไร? ผู้คนทั้งหมดในเมืองนี้ถูกฆ่า!? " เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกประหลาดใจและลมหายใจที่ติดขัด

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เอาว่ะคนนับ 1,000,000 ถูกฆ่าตายจนเหี้ยน ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว โคตรเข้ม
B2 : ว่าแต่เห็นไอ้ปีศาจหน้าโง่ตัวนั้นไหมที่มันบอก เย่ชีเหวิน ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับขั้นที่ 6 อะ 55555 อยากรู้จังว่าถ้ามันรู้ว่า เย่ชีเหวิน จริง ๆ แล้วยังอยู่แค่ในระดับขั้นที่ 4 แล้วมันจะรู้สึกยังไง
B1 : 55555 เออน่าคิด
B3 : ไม่สิอย่าเปลี่ยนเรื่องคราวนี้ถึงที[ก.]มั่งล่ะ [ก.]จะเอาคืนให้ทบต้นทบดอกเลย คราวนี้ไม่เจ็บปางตายก็สะบักสะบอมกันไปข้างหนึ่งล่ะว้า เพ้อ ๆ ขอพี่น้อง[ม.]ไปสักคนก็แล้วกันนะไอ้เหวิน!!!!!!!!!!!!!!
B4 : ฝันไกลไปไหม...เอาตรง ๆ ยังไงพระเอกก็ชนะ
B3 : อย่ามั่นหน้าขนาดนั้น [ก.]ไม่เชื่อหรอกว่าโชคมันจะเข้าข้างตลอด!!
B1,B2 : พนันกันไหม??
B3 : กูไม่เล่น!!
B4 : ใจปลาซิว!!

#########################################################เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน


คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

1 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม