บทที่ 131 - ฉีเฟยฟ้าน

ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 นั้นเป็นสิ่งที่หาที่เปรียบมิได้ ไม่ว่าจะ เย่ฟง หรือศิษย์ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]คนอื่น ๆ ก็มิสามารถที่จะเข้าใกล้

          " ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจะมีจิตวิญญาณและสายเลือดที่กล้าแกร่ง เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญธรรมดาสามัญเช่นเจ้าแล้วนั้น ย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าเป็น 100 เท่า 1,000 เท่า! " รูปร่างอันใหญ่โตและใบหน้าอันอัปลักษณ์ เผยให้เห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน ฉับพลัน[กลิ่นอายปีศาจ]อันมหาศาลก็ได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน ทำให้เหล่าผู้คนสามารถสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือ[เผ่ามาร]ที่มีรูปร่างอันใหญ่โตและมีความสูงที่ไม่ต่ำกว่า 5 เมตร ทั่วร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬหนาทึบและมีแขนขาที่เหมือนดั่งมนุษย์ทุกประการยกเว้นเสียแต่กรงลมของพวกมันที่มีความคมกริบดุจใบมีด แล้วด้านหลังร่างอันใหญ่โตของมันก็ได้ปรากฏหางที่ยาวเหยียดและมีลักษณะคล้ายดั่งหางของเสือ

ทุกคนที่ได้เห็นต่างร้องเรียกอุทานอย่างฉับพลัน เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏยังเบื้องหน้าของพวกเขานั้นคือ 1 ใน[เผ่ามาร]ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่[เผ่ามาร]ด้วยกัน จุดเด่นของพวกมันคือพละกำลังอันมหาศาลและร่างกายอันใหญ่โต ที่แม้แต่พวก[มายักษ์ใหญ่]ก็ยังมิอาจเทียบรัศมีกับพวกมันได้ ว่ากันว่าเมื่อพวกมันเติบโตเต็มที่ร่างกายของพวกมันจะมีความสูงที่ไม่ต่ำกว่า 4 เมตรและมีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าได้ดั่ง[ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง]

แต่สิ่งที่น่ากลัวมากก็คือมันมีความสูงถึง 5 เมตรและเป็นผู้นำของมวลมารในที่นี้ทั้งหมดและที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของมันนั้นได้อยู่ในระดับที่ห่างไกลมากกับพวกมารในที่นี้ทั้งหมดนับหลายขุม

          " ค่ายกลนี่มันถูกสร้างขึ้นจากเลือด นั่นก็หมายความว่าเจ้าใช้ผู้คนนับล้านในเมืองนี้เป็นเครื่องสังเวยเพื่อสร้างมัน! " ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองอร่ามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก " แล้วถ้ามันเป็นเช่นนั้น มันก็หมายความได้อีกว่าเจ้ากำลังทำพิธีการอะไรบางอย่าง แต่แทนที่จะทำมันอย่างเงียบ ๆ เจ้ากับเผยมันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อดึงดูดความสนใจศิษย์จากสำนักยี่หยวนของข้าแล้วตลบหลังพวกเขา "

          " เจี่ย เจี่ย! " อีกด้านหนึ่ง ผู้นำกองทัพปีศาจหัวเราะดังลั่นด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาดพลางกล่าวว่า " จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่ข้ามิได้คาดคิดเลยว่ามันจะล่อผู้เชี่ยวชาญเช่นเจ้ามาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่าที่นี่จะมีเจ้า มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่อันใดสำหรับข้าเลยแม้แต่น้อย "

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองอร่ามได้ส่งสายตาไปที่ร่างอันยักษ์ใหญ่ของปีศาจ แต่หาได้มีความเกรงกลัวในสายตาของเขาไม่ ประดุจดั่งเทพเจ้าสงครามทองคำได้กลับมาจุติใหม่ในร่างของมนุษย์ สายตาของเขากวาดผ่านไปยังสถานการณ์โดยรอบและสังเกตุเห็นได้ว่าภายใต้ค่ายกลขนาดใหญ่นี้ต่างเต็มไปด้วยเหล่ามารและปีศาจจำนวนมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิได้มีเศษเสี้ยวของความหวาดกลัวใด ๆ ตรงกันข้ามเขากับมีความรู้สึกตื่นเต้นแทนปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ฉับพลันชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองก็ได้หัวเราะออกมาดังลั่นพลางกล่าวว่า " เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่สัตว์ ข้า ฉีเฟยฟ้าน ได้ฆ่าปีศาจเก่ง ๆ มาแล้วมากมายนับไม่ถ้วย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังไม่เคยได้ฆ่าปีศาจที่ร่างกายอันใหญ่โตเช่นเจ้ามาก่อน ดีเลยงั้นข้าจะใช้โอกาสนี้ให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติดาบของข้าเสีย "

          " ว่ายังไงนะเขากล่าวว่าตนคือ ฉีเฟยฟ้าน! " เหยียนชือหลิง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แลดูประหลาดใจ

ในขณะที่ทุกคนเองนั้นต่างก็ตกใจเมื่อได้รับรู้ว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองผู้ที่ยืนอยู่บนฟ้านั้นคือ ฉีเฟยฟ้าน

แม้แต่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังต้องรู้สึกแปลกใจ จากข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลที่พวกเขาได้ทราบมานั้นชายผู้ที่ชื่อว่า ฉีเฟยฟ้าน ถือเป็นบุคคลที่สำคัญไม่ธรรมดาและจัดว่าเป็น 1 ในตำนานที่มีชีวิต แม้กระทั่งในหมู่อัจฉริยะด้วยกันเอง เขาก็ยังถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะผู้อยู่เหนืออัจฉริยะทั้งมวลและถูกพิจารณาว่าให้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับเหล่าบุคคลในตำนาน!

เขาได้เริ่มการฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้มานับแต่เด็กจนกระทั่งได้ก้าวเข้าสู่สำนักหลักยี่หยวน ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาก็ได้รุดหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและก้าวเข้าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ภายในระยะเวลาอันสั่น อีกทั้งเขายังได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับเหล่าศัตรูมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งในตอนนี้ก็ไม่มีใครที่ล่วงรู้ถึงขอบเขตที่แท้จริงของเขา บางก็ว่าเขาอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณแท้จริง ] บางก็ว่าเขาอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณแท้จริง ] หรือแม้กระทั่งยังมีข่าวลืออีกมากมายที่บอกว่า ฉีเฟยฟ้าน นั้นได้บรรลุถึงใน[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณแห่งตำนาน ]แล้ว

[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแห่งตำนาน ]ถือเป็นเขตแดนที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่า[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] นอกจากนี้มันยังเป็นความจริงที่ว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญสูงสุดของสำนักยี่หยวนนั้นต่างก็อยู่ในเขตแดนนี้และระดับการบ่มเพาะพลังของ ฉีเฟยฟ้าน ก็มีความใกล้เคียงกับ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแห่งตำนาน ]มากที่สุด อีกทั้งเขายังเป็น 1 ในเหล่าบุคคลที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นนำกลายเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปหรือที่เรียกกันว่า 4 ศิษย์ที่แท้จริง เหล่าศิษย์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในสำนักยี่หยวน

และเมื่อเทียบกันระหว่าง ฉีเฟยฟ้าน และ ลู่ยี่ฟ้าน ที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]นั้น ความแข็งแกร่งของ ฉีเฟยฟ้าน ย่อมมีมากกว่าเขาถึงร้อยเท่าพันเท่าจน ลู่ยี่ฟ้าน ที่เป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแม้จริง ]นั้นไม่อาจที่จะมายืนเทียบเคียงได้ เหมือนดั่งช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่าง[ ระดับขั้นดินแดนลมแท้จริง ]และ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้จึงมั่นเหมาะที่จะถูกกล่าวขานว่าเป็นตำนาน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นได้ชัดเลยว่าผู้นำทัพของฝ่ายปีศาจเองก็มิได้มีทีท่าว่าจะตกเป็นลองเลยแม้แต่น้อย มันจึงอาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมันอยู่ในระดับที่ก้ำกึ่งกันเมื่อไหร่ที่พวกเขาได้เริ่มการต่อสู้ขึ้นมันคงจะกลายเป็นการต่อสู้ที่งดงาม

เย่ชีเหวิน ไม่มีความลังเลใด ๆ อีกต่อไปพลางกล่าวกับพวกศิษย์[พรรคเฉินยู้]ว่า " เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้เริ่มต่อสู้กัน ข้าเกรงว่าแม้แต่ฟ้าดินก็อาจพังทลาย เราควรที่จะใช้โอกาสนี้ในการหลับหนี "

พวกเขาทั้งหมดต่างพยักหน้าขานรับเป็นเสียงเดียวกัน

ร่างอันใหญ่โตของผู้นำทัพเผ่าปีศาจ ได้ใช่ฝ่ามือของมันล้วงเข้าไปยังมิติช่องว่างพลางคว้าศัตราวุธขนาดใหญ่ตรีศูลหรือทวนสามง้ามของมันออกมาและขว้างพุงตรงไปทาง ฉีเฟยฟ้าน ในทันที เพียงแค่ชั่วพริบตารูปร่างของคมหอกก็ได้ตัดผ่านหายไปภายในชั้นบรรยากาศและปรากฏตัวอีกทีในด้านหน้าของ ฉีเฟยฟ้าน อย่างฉับพลัน

แต่ในขณะเดียวกันกระบี่ที่อยู่ในฝ่ามือของ ฉีเฟยฟ้าน ก็ได้ตวัดขึ้นอย่างฉับพลันกลายเป็น[พลังปราณกระบี่]ที่มีประกายแสงเจิดจ้าราวกับดวงตะวันสีทองอร่ามพุ่งตรงเข้าใส่การโจมตีที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาในด้านหน้าของเขา

          " ตูม! " [พลังปราณปีศาจ]ชนเข้ากับ[พลังปราณกระบี่]อย่างรุนแรง จนทำให้พื้นที่โดยรอบนั้นเปราะบางราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่พร้อมจะฉีกขาดได้ตลอดเวลา คลื่นสั่นสะเทือนได้แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาความผันผวนมันก็ได้แพร่ขยายออกไปทั่วทั้งค่ายกล จนก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่พวกปีศาจจำนวนมาก

ในขณะที่การต่อสู้บนท้องนภานั้นพึ่งจะแค่เริ่มต้น พวกเขาทั้ง 2 ต่างก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่หาที่ใดเปรียบ อีกทั้งยังถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] เพียงแค่การโจมตีอันเรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยพลังปราณอันเปรี่ยมล้นของ[เขตแดนลมปราณแท้จริง]

ภายใต้การโจมตีอันหนักหน่วงของ 2 ผู้เชี่ยวชาญ ได้ก่อให้เกิดคลื่นระเบิดขึ้นภายในบริเวณพื้นที่โดยรอบ ในขณะที่การต่อสู้ของพวกเขาค่อย ๆ กลายเป็นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น พลังปราณค่อย ๆ ไหลพล่านและปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองพันเกาะภายในช่วงระยะเวลาสั่น ๆ เพียงแค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้น พื้นที่ภายในเมืองมากกว่าครึ่งก็ได้ถูกทำลายลงด้วยผลกระทบจากการต่อสู้ของพวกเขา

แต่ถึงอย่างนั้นการต่อสู้ของ 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็มิได้มีให้เห็นอยู่บ่อยนัก ทันใดนั้นเองเหล่าศิษย์สำนักยี่หยวนต่างก็จับจ้องไปที่การต่อสู้อันบ้าคลั่ง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเขาที่มีชีวิตยืนยาวและสามารถชมการต่อสู้ของผู้อื่นเมื่อใดเวลาใดก็ได้ หากแต่การต่อสู้ของ 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอมนั้นมันมิได้มีมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะบุคคลที่มีชื่อเสียงจนถูกกล่าวขานว่าเป็นตำนานอย่าง ฉีเฟยฟ้าน ทุกการโจมตีและการเคลื่อนไหวของเขานั้นต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยแก่นแท้ของเคล็ดวิชาการต่อสู้ ซึ่งมันได้ช่วยให้เหล่าผู้ที่เฝ้ามองนั้นมีกำลังใจหึดสู้และโหยหาความแข็งแกร่ง รวมไปถึงมันจะทำให้บุคคเหล่านั้นพยายามที่จะบ่มเพาะพลังของตนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้มีความแข็งแกร่งและพลังอำนาจดั่งเช่นภาพการต่อสู้ที่พวกเขานั้นเห็นในวันนี้

แม้กระทั่ง เย่ชีเหวิน เองก็ยังจับจ้องไปที่การต่อสู้เหล่านั้นด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งแน่นอนว่าความสุขของเขานั้นย่อมแตกต่างจากผู้อื่น ภายในห้วงลึกจิตวิญญาณของเขาได้เริ่มการเผาผลาญศิลาวิญญาณจากแหวนพื้นที่ของเขาอย่างบ้าคลั่ง [พื้นที่ลึกลับ]ได้จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวและท่วงท่าจากการต่อสู้ผ่านสายตาของ เย่ชีเหวิน อย่างระเอียดยิบราวกับผ้าไหมที่ทออย่างประณีตด้วยความเอาใจใส่ฝากรากลึกลงไปภายในจิตใจของ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน เกือบรู้สึกหลงใหลไปกับการต่อสู้ของ 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเพียงจับตามอง เพราะการต่อสู้ของพวกเขานั้นมันช่างให้ความรู้สึกที่ราวเหมือนกับว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ศักดิ์สิทธิ์

แต่ทว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้นในบริเวณรอบนอกของค่ายกล กองทัพปีศาจขนาดใหญ่ได้รีบพุ่งตรงเข้ามาทางกลุ่มของ เย่ชีเหวิน

พวกมันคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้ว ผู้นำทัพผู้ยิ่งใหญ่ของพวกมันก็จะเป็นฝ่ายชนะและกลื่นกิน ฉีเฟยฟ้าน ตัวประกันจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ พวกมันจึงได้พยายามที่จะฆ่ากลุ่มคนของ เย่ชีเหวิน ลงเสียที่นี่ทั้งหมด

          " เร็วพวกเราควรออกไปจากที่นี่! " เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมเป็นผู้เปิดทาง เหล่าปีศาจเกือบทั้งหมดในดาหน้าเข้าใส่ เย่ชีเหวิน แต่เพียงผู้เดียว แต่ทว่าพวกมันก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะถูกขว้างกั้นโดยมังกรขดที่ขดอยู่รอบร่างกายของ เย่ชีเหวิน ทั้งกรงเล็บและหางของมันได้ขย้ำและกวัดแกว่งไปมา จนทำให้กลุ่มของพวกปีศาจที่ด่าหน้ากันเข้ามานั้นต้องแตกกระเจิงแบบไม่มีชิ้นดี เย่ชีเหวิน ยังคงเปิดทางโดยทะลวงผ่านกองทัพปีศาจไปเรื่อย ๆ โดยที่พวกเหล่าปีศาจที่แสนอ่อนแอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ เย่ชีเหวิน พวกมันก็จะจางหายและกลายเป็นฝุ่นผงไปทันทีควบคู่ไปกับบางตัวที่สามารถทนพิษบาดแผลจากมังกรได้ก็จะถูกโจมดีด้วย[พลังปราณใบมีด]อันเลื้อมล้ำของ เย่ชีเหวิน และการโจมตีของ เย่ฟง และเหล่าศิษย์คนอื่น ๆ จาก[พรรคเฉินยู้]ที่ได้ตามหลังของ เย่ชีเหวิน มาและฝ่ารอบนอกค่ายกลที่เต็มไปด้วยเหล่ากองทัพของพวกปีศาจจำนวนมาก

          " ฆ่ามัน! " เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวในขณะเดียวกันเขาก็ได้ใช้จังหวะนั้นปล่อยฝ่ามือของเขาออกไป ปรากฏเป็นมังกรขดอีก 1 ตัว โผบินพุ่งทะยานออกมาจากฝ่ามือของเขาและทลวงใส่ต่อค่ายกลอันแข็งแกร่งของพวกปีศาจ ด้วยกรงเล็บอันแหลมคมและพลังอำนาจอันมหาศาลของมังกรขดในที่สุดมันก็สามารถทลวงผ่านกลายเป็นช่องว่างเล็ก ๆ ขึ้นบนค่ายกล เหล่าศิษย์จาก[พรรคเฉินยู้]จึงได้ใช้โอกาสนี้ในการกระโดดออกมาจากค่ายกลโดยมี เย่ชีเหวิน ออกมาเป็นคนสุดท้าย ในขณะที่ช่องว่างมันก็ได้ปิดตัวลงอย่างพอดิบพอดีและกลับคืนสู่สภาพเดิมที่สมบูรณ์ จึงทำให้พวกเหล่าปีศาจจำนวนมากถูกทิ้งขังอยู่ภายใน พวกมันจึงได้กู่ร้องคำรามออกมาก้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้นต่อพวก เย่ชีเหวิน

แต่ถึงอย่างนั้นค่ายกลมันก็ยังคงมีรอบนอกปกคลุมอยู่อีก 1 ชั้น หากแต่มันกลับมีพวกเผ่าปีศาจเหลืออยู่เพียงไม่มากแล้ว เพราะด้วยการต่อสู้ของ 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า มันได้สร้างผลกระทบให้กับพวกมัน จึงทำให้เหล่าปีศาจที่อ่อนแอนั้นไม่สามารถทดแรงกดดันของพวกเขาได้ จึงตายลงในที่สุด

เพียงแค่เพิ่งออกมาจากค่ายกล คลื่นพลังปราณอันน่าหวาดกลัวก็ได้ถ่าโถมเข้าใส่พวกเขาในทันที แต่ทว่าสำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วมันก็มิได้แตกต่างอะไรไปจากสายลมธรรดาที่พัดผ่าน เพราะโครงสร้างร่างกายของ เย่ชีเหวิน นั้นมันได้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเกินกว่าสามัญสำนักของผู้คนจะสามารถเข้าใจ ด้วยผลของความสามารถเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] จึงทำให้โครงสร้างร่างกายของ เย่ชีเหวิน นั้นแข็งแกร่งมากจนทำให้ผลกระทบเพียงแค่นี้ไม่อาจสร้างอันตรายใด ๆ ต่อร่างกายของเขาได้

แต่ถ้าไม่นับ เย่ชีเหวิน แล้วสำหรับคนอื่น ๆ ที่อยู่เพียงแค่ใน[ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด]แล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นพลังปราณนี้มันก็นับว่าเป็นอันตรายต่อพวกเขาอยู่ไม่น้อย

แต่โชคดีที่ภายในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ จางซุนยวี้หยวิน ได้ใช้[ขลุ่ยมนต์ตรา]ของนางบันเลงเสียงเพลงอันไพเราะ ซึ่งช่วงบันเทาต่อผลกระทบจากคลื่นพลังปราณที่รุนแรงนี้ได้เป็นอย่างดี

หลังจากที่พวกเขาทุกคนได้วิ่งออกมาเป็นระยะทางกว่า 100 ลี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้หยุดลง ความปลื้มปิติยินดีและความสุขได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาที่พวกเขานั้นสามารถหลบหนีออกมาได้ ในความเป็นจริงแล้วพวกเขานั้นคิดว่าการจะหลบหนีออกไปจากที่นี่นั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าในขณะนี้มันก็ได้เป็นไปแล้วอีกทั้งในหมู่ของพวกเขายังไม่มีใครต้องตกตายไปจากแผนการหลบหนีในครั้งนี้เลยแม้แต่คนเดียว แม้ว่าในครานี้จะมีบุคคลสำคัญอย่าง ฉีเฟยฟ้าน ปรากฏตัวขึ้น แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจาก เย่ชีเหวิน หรือหากกล่าวกันตามตรง หาไม่มี เย่ชีเหวิน พวกเขาก็คงไม่สามารถที่จะมาถึงจุดนี้และสามารถหลบหนีออกมาได้ ไม่สิบางทีบางเขาควรที่จะตายไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแม้ต่อให้รอดมาได้ หากไม่มี เย่ชีเหวิน พวกเขาก็คงไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่ากองทัพปีศาจมากมายขนาดนั้นได้ซึ่งยังรวมไปถึงแรงกดดันจากการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทั้ง 2 คนนั้นด้วย ฉะนั้นแล้วการที่พวกเขานั้นหมดนั้นสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้นั้นต้องขอบคุณ เย่ชีเหวิน

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกที่กตัญญู โดยเฉพาะศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]พวกเขาทั้งหมดต่างทวีคูณความกตัญญูมากยิ่งขึ้นจนหาที่เปรียบมิได้ อนึ่งมันอาจกล่าวได้ว่า เย่ชีเหวิน นั้นได้รับการช่วยเหลือพวกเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แล้วในหมู่พวกเขาก็ไม่มีใครต้องตายเลยต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมา

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาทุกคนในที่นี้จะได้รับความทุกข์ยากทางจิตใจ หากแต่ภายใต้การปกครองของ เย่ชีเหวิน เมือไม่กี่วันที่ผ่านมา มันก็ได้ทำให้เขานั้นได้รับการยอมรับไปโดยปริยายว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของ[พรรคเฉินยู้]อย่างแท้จริง

แม้ว่าเดิมที เย่ชีเหวิน เองก็เป็นผู้อาวุโสของพรรค แต่ก็มีคนอยู่จำนวนมากที่ไม่เชื่อเช่นนั้น เพราะ เย่ชีเหวิน แทบที่จะมิได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจประจำวันใด ๆ ภายใน[พรรคเฉินยู้]เลยแม้แต่น้อย จึงไม่ควรที่จะมีสถานะเป็นถึงผู้อาวุโสได้ แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ดูเหมือนว่าในวันนี้พวกเขาจะมิได้คิดเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ เย่ชีเหวิน นั้นมักจะปรากฏตัวออกมาเมื่อยามที่สำคัญที่สุดและช่วยเหลือพวกเขาออกมาจากวิกฤตเสมอ ซึ่งนั่นมันมีค่าเสียยิ่งกว่าการต้องมาจัดแจงกิจในประจำวันภายในพรรคเสียอีก

จากวันนี้ไปเหล่าศิษย์[พรรคเฉินยู้]ที่ได้รอดชีวิตจะได้รับการยอมรับว่า เย่ชีเหวิน นั้นคือผู้นำของพวกเขาอย่างแท้จริงโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ

          " พวกท่านจงรีบไป มิฉะนั้นมันจะเป็นปัญหาไม่น้อยหากไอ้พวกมารเหล่านี้มันตาพวกเรามาทัน " เย่ชีเหวิน กล่าว

          " น้องเล็กแล้วเจ้าล่ะ เจ้าจะไม่มากับพวกเรา? " เย่หรูเชว่ กล่าวด้วยท่าทีที่กังวล

          " พวกท่านไปก่อน ข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องสะสางเล็กน้อย " เย่ชีเหวิน กล่าวว่า

ทุกคนต่างครุ่นคิดว่า เย่ชีเหวิน นั้นแน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมดในที่นี้และมีความเชื่อมั่นว่าเขานั้นจะสามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย หากไม่พบเจอกับปีศาจที่มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นเดียวกับผู้นำทัพปีศาจ มันก็คงไม่เป็นปัญหาใด ๆ สำหรับเขา หลังจากที่ทุกคนนั้นล้วนต้องมี 1 หรือ 2 ความลับที่เก็บซ่อนอยู่ภายใน ฉะนั้นแล้วเมื่อ เย่ชีเหวิน กล่าวว่ามีเรื่องต้องสะสางพวกเขาจึงไม่พยายามที่จะถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้น

หลังจากที่กลุ่มที่เหลือได้จากไป เย่ชีเหวิน ก็ได้ใช้เคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]และเริ่มดัดแปลงพลังปราณของตนให้มีกลิ่นอายเฉกเช่นเดียวกับ[กลิ่นอายของพวกปีศาจ]และหยิบชุดคลุม[ศิษย์ลัทธิมาร]ที่เขาจัดการก่อนหน้ามาใส่เพื่อพรางกายให้ตนนั้นดูเหมือนพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]

โดยไม่สูญเสียเวลาใด ๆ เย่ชีเหวิน ได้หันหลังกลับและย้อนกลับไปยังเส้นทางเดียวกันที่เขาใช้หลบหนีออกมา

########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เอาหว่ะ ๆ มัน ๆ
B2 : โครตลุ้น ต่อไปพี่เหวิน เราจะทำเช่นไร
B4 : ฝ่ายตัวเอกรอดว่ะ นึกว่าจะมีปวดตับ
B3 : โคตรเจ็บใจมีคนมาช่วยมันอีกแล้ว WTF
B4 : บางทีในศึกครั้งนี้ เย่ชีเหวิน อาจเเข็งแกร่งขึ้นอีกก็เป็นได้
B3 : อะไร? นี่ยังคิดจะเก่งขึ้นอีกหรอ งั้นงานแข็งรอบนี้ที่กำลังจะถึงนี่[ก.]คงไม่ค้องคาดหวังกับอะไรล่ะ
B1,B2 : เห้ยมันอาจมีพลิกล็อกก็ได้นะ บางทีอาจมีคู่ปรับในงานประลองก็เป็นได้
B3 : ไม่ต้องมาเห็นใจไอ้พวกตัวเอก นี่มันพึ่งแค่เริ่มต้น แค่บนที่ 131 เองตัวร้ายเก่ง ๆ ยังมีมาอีกเยอะเว้ย
B4 : มีมาเพื่อเป็นที่รองตีนให้กับ เย่ชีเหวิน ช่ะ
B3 : @^&#@&$@^&#@#!@#%@

########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

4 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม