บทที่ 132 - กระจกเทียนหยวน

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]มาถึงใน[ดินแดนที่ 4 ขั้นสูงสุด] เขาก็สามารถดัดแปรงลมหายใจหรือกลิ่นอายของเขาให้กลายเป็นรูปแบบใดก็ได้ตามใจนึก ซึ่งรวมไปถึงการลอกเลียนแบบร่างกายของผู้อื่นด้วย หากแต่มันก็มิได้เหมือนจริงเสียขนาดนั้น แต่ทว่าในยามนี้มันยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย ฉะนั้นแล้วเพียงแค่การจะตบตาพวกปีศาจย่อมนับว่าเป็นเรื่องง่าย

ในยามนี้ความสับสนวุ่นวายได้แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้างและการต่อสู้กันของ 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็เริ่มที่จะทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนน่าหวาดกลัว แม้แต่ชั้นฟ้าและผืนดินยังต้องสั่นสะเทือน

เย่ชีเหวิน ย้อนกลับไปยังเส้นทางสายเดิมและพบว่าค่ายกลของพวกมันกำลังเริ่มกระบวนการอะไรบางอย่าง,ขึ้นอย่างช้า ๆ ซึ่งบรรยากาศโดยรอบต่างก็อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายคาวเลือดที่ยากเกินจะบรรยายฝุ้งกระจายอยู่โดยรอบ ยิ่งกว่านั้นกลิ่นคาวเลือดพวกนี้ยังเป็นของประชากรชาวเมืองพันเกาะทั้งหมดนับล้านคนที่ถูกสังหารโดยพวก[เผ่ามาร]

และเมื่อกลิ่นอายคาวเลือดเริ่มหนาแน่นมากขึ้น มันก็ได้ส่งกลิ่นที่ชวนรู้สึกคลื่นไส้ออกมา

เย่ชีเหวิน ครุ่นคิดภายในใจว่าเขานั้นไม่อาจปล่อยให้พวกมันประสบความสำเร็จได้ แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้อย่างแน่ชัดถึงสิ่งที่พวกมันกำลังจะทำ หากแต่ถ้าปล่อยไว้มันอาจกลายเป็นบ่อเกิดแห่งภัยพิบัติขนาดใหญ่ขึ้นได้

เย่ชีเหวิน ปะปนเข้าไปภายในกองทัพของพวกปีศาจและตรงเข้าไปยังภายในค่ายกลพร้อมกับพวกมัน ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่แปลงเป็น[ศิษย์ลัทธิมาร]อีกทั้งทั่วร่างของเขายังได้แพร่[กลิ่นอายปีศาจ]ออกมา มันจึงทำให้เขานั้นไม่เป็นที่ผิดสังเกตุและสามารถแฝงตัวเข้าไปในค่ายกลของพวกมันได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่ได้สวมใส่ชุดคลุมของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร] เช่นเดียวกับการแปลงกายของเขาให้มีลักษณะคล้ายคลึ่งกับพวกมันมากที่สุดจนแทบที่จะมิได้เห็นถึงความแตกต่างใด ๆ จึงทำให้ไม่มีพวกเหล่ามากตนไหนสะกิตใจหรือสงสัยในการปลอมแปลงของเขาเลยแม้แต่น้อย

เย่ชีเหวิน ได้ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของค่ายกลของพวกมันและหลังจากนั้นเขาก็ได้พบเข้ากับเส้นทางที่จะนำพาเขาไปสู่ถ้ำใต้ดิน แต่หลังจากที่เขากำลังก้าวเดินเข้าไปยังภาบในนั้นเขาก็ได้ขวางกั้นเอาไว้เสียก่อนโดยพวก[มารยักษ์ใหญ์]ถึง 4 ตน

          " ไอ้เจ้ามนุษย์ต่ำต้อยเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะข้ามเส้นนี้ ที่นี่มันมิใช่สถานที่มนุษย์เช่นเจ้าจะสามารถย่างเท้าเข้าไปได้ จงไสหัวกลับไปด้านบนและทำหน้าที่ของพวกเจ้าเสีย " มารยักษ์ใหญ่ กล่าวว่า

เย่ชีเหวิน แอบครุ่นคิดภายในใจว่าสถานะของพวก[ศิษย์ลัทธิมาร]ในกองทัพปีศาจนั้นอาจอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำไม่น้อย และมีความเป็นไปได้ว่าอาจอยู่ในระดับล่างของล่างที่สุดเลยก็ว่าได้

แต่อย่างไรก็ตาม เย่ชีเหวิน ในตอนนี้มิได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาต่อรองด้วย เขาคว้าใบมีดยาวออกมาและฟาดฟันมันออกไปด้วยใบมีดประกายแสงพุ่งตรงเข้าใส่[มารยักษ์ใหญ่]อย่างฉับพลันโดยที่มันยังมิทันได้ตั้งตัว ซึ่งพอรู้สึกตัวอีกทีศีรษะของมันก็ได้หลุดออกจากบ่าแล้ว

ส่วนที่เหลืออยู่อีก 3 ตัว พวกมันยังคง อึ่ง ทึ่ง งง กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะพวกมันมิได้คาดคิดว่า[ศิษย์ลัทธิมาร]จะกล้าลงมือกับพวกมัน แต่ในขณะเดียวกัน เย่ชีเหวิน ก็ได้ฟาดฟัน 3 เงาคมมีด[ ตัดจันทร์เสี้ยว ]ออกไปแล้วและแบ่งของพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับ เย่ชีเหวิน ที่เขานั้นมิได้รับความสนใจจากพวกเผ่ามารเสียสักเท่าไหร่นัก จึงทำให้เขานั้นสามารถสังหารพวกมันลงได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้นแล้วหากไม่อยู่ในสถานการที่แล้วร้ายที่สุดเขาอาจต้องใช่[ ฝ่ามือมังกรขด ]จัดการกับพวกมันทั้ง 4 ตน แต่ทว่านั่นก็อาจมิเป็นผลดีต่อเขา เพราะมันจะทำให้ประตูทางเข้าถ้ำใต้ดินนั้นเกิดความวุ่นวายขนาดใหญ่ขึ้นได้

เย่ชีเหวิน ได้คลายสภาพร่างของ[ศิษย์ลัทธิมาร]และใช้เคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]แปลงกายเป็น[มารยักษ์ใหญ่] นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันแล้ว ร่างกายของเขายังคงแพร่[กลิ่นอายปีศาจ]ออกมาเป็นจำนวนมาก จึงพอที่จะสามารถตบตาพวกเผ่ามารด้วยกันเองได้

เย่ชีเหวิน เดินทางไปตลอดแนวของอุโมงค์และต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้พบว่าจำนวนของพวกปีศาจนั้นยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งมันยังมีพวก[มารยักษ์ใหญ่]อีกเป็นจำนวนมากที่อยู่ภายในถ้ำใต้ดิน ในขณะที่ด้านหลังของพวกเขานั้นยังคงมีผลกระทบจากคลื่นการโจมตีของ 2 ผู้เชี่ยวขาญชั้นยอด ฉีเฟยฟ้าน และ ผู้นำทัพปีศาจ อยู่ด้านบน จึงทำให้ เย่ชีเหวิน นั้นสามารถรอบเข้ามาภายในอุโมงค์ได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่มีปัญหาใด ๆ


เย่ชีเหวิน ค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปจนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้พบเข้ากับบ่อขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโลหิตและกลิ่นอายคาวเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดหมุนวนอยู่รอบ ๆ เขาไม่ทราบว่าเหตุใดเลือดจำนวนมากถึงได้ไปรวมตัวกันที่บ่อน้ำแห่งนี้จนก่อให้เกิดเป็นกลิ่นอายคาวเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้และกำลังเดือดดาลอยู่ภายในบ่อ ยิ่งกว่านั้น เย่ชีเหวิน ยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงโกรธแค้นชิงชังของเหล่าผู้คนที่ตายไปโดยพวกปีศาจมาจากเลือดเหล่านั้น

แม้กระทั่งเหล่าจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ไสยมืด หรือ มนต์ดำ]ก็มิอาจต้านทานความอาฆาตแค้นนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกปีศาจกับไม่สนใจ กลับกันพวกมันยิ่งเพิ่มความอาฆาตแค้นพยาบาทลงไปมากขึ้นและมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพลังอำนาจของเลือด

          " ข้าจะฆ่าไอ้สัตว์นรกพวกนี้! " แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะได้เห็นชีวิตและความตายมาแล้วมากมาย แต่เขาก็ยังทนมิได้กับการกระทำเช่นนี้ ซึ่งมันทำให้ความโกรธของเขาเดือดดาลจนไปถึงสวรรค์ ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้คนของ[ดินแดนโลกการต่อสู้ที่แท้จริง]ถึงได้จงเกลียดจงชังพวก[เผ่ามาร]นัก มิใช่เพราะการต่อสู้กันระหว่าง 2 กลุ่มและ 2 เผ่าพันธุ์ แต่มันคือวิธีการบ่มเพาะพลังที่แตกต่างกันราวฟ้าดินเกินจะยอมรับ ตราบใดที่อีกฝ่ายหนึ่งยังคงมีชีวิตอยู่อีกฝ่ายจะต้องดับสูญ!

หากไม่ฆ่าพวกมันในตอนนี้ ประชากรมากมายจะต้องตกเป็นทาสและแหล่งอาหารของพวกมัน พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก ยิ่งในตอนนี้พวกมันยังคิดที่จะวางแผนบุกรุก[ดินแดนโลกการต่อสู้ที่แท้จริง]อีกครั้ง

พวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายไม่อาจอยู่ร่วมโลกและผืนดินเดียวกันได้ ตราบที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังคงมีชีวิตอยู่อีกฝ่ายจะต้องสูญสิน

แต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเวลาที่สำคัญมากที่สุดสำหรับค่ายกลของพวกปีศาจ เพราะไม่เพียงแค่ระดับโลหิตภายในบ่อขนาดใหญ่กระเพื่อมไปมาเท่านั้น แต่มันยังส่งออกให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูกสันหลังของพวกเขา

ฉับพลันความผันผวนรุนแรงได้ปรากฏขึ้นภายในบ่อโลหิต เหล่าปีศาจที่รายล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้นก็รีบถอยห่างทันควันโดยไม่กล้าที่จะเข้าใกล้

          " เจี่ย เจี่ย ในที่สุดนายของพวกเจ้าก็กลับมาแล้ว! " คำพูดที่เย้อหยิ่งดังลั่นภายใต้น้ำเสียงของเด็ก ในขณะเดียวกันกระจกสีแดงเข้มดั่งทับทิมก็ได้ลอยขึ้นมาจากบ่อโลหิตพร้อมกับเด็กปีศาจที่รูปร่างตัวเล็กและมีเขายาว 2 เขาสีดำทมิฬอยู่บนศีรษะและปีก 1 คู่ทางด้านหลังและหางที่กวัดแกว่งไปมา หากมองดูจากระยะไกลก็น่ารักไม่หยอก

และในขณะนั้นเองกระจกก็ได้เปล่งแสงออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งภายในถ้ำ ราวกับเป็นแสงที่สาดส่องลงมาจากสวรรค์ และให้ความรู้สึกราวกับว่านี่คือดินแดนแห่งโลหิต

เหล่าปีศาจต่างตกอยู่ในความหวาดกลัวและคุกเข่าลงกับพื้นดิน ดั่งกับพวกมันกำลังพยายามที่จะคาราวะปีศาจน้อยที่อยู่ตรงหน้า เฉกเช่นเดียวกับการดำรงอยู่ของเทพเจ้าในสายตาของพวกมัน

ดวงตาของ เย่ชีเหวิน เป็นประกายขพร้อมตัดสินใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านล่วงเลยไป เขาไม่สามารถปล่อยให้ปีศาจตนนี้ออกไปสู่โลกภายนอกได้ ในตอนนี้ช่วงที่มันเปิดตามาดูโลกมันถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของมัน แต่ถ้าหากมันมีโอกาสที่จะเติบโตไปมากกว่านี้แล้วล่ะก็ มันจะต้องเป็นภัยพิบัติต่อเหล่ามนุษย์ชาติและโลกใบนี้เป็นแน่

เย่ชีเหวิน เริ่มเคลื่อนไหวและร่างกายของเขากลายเป็นเส้นแสงพุ่งตรงไปยังจุดศูนย์กลางของบ่อโลหิตในททันที พร้อมกับมังกรขดที่ขดรอบร่างกายของเขา ทันทีที่[พลังปราณมังกร]อันมหาศาลได้สัมผัสเข้ากับกลิ่นอายของความอาฆาทแค้นที่อ้อยอิ่งอยู่กับชั้นบรรยากาศก็พลันทำให้มันสลายหายไปในทันที

ฉับพลันคมมีดยาวฟาดฟันเป็นเส้นแสงสีขาวพุ่งตรงไปทางปีศาจตัวน้อย

          " ฉึบ! " ขณะนั้นเองร่างของปีศาจน้อยก็ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

แต่ทว่าร่างที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลับสมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นเสียงตะโกนก็ได้ดังก้องพร้อมชี้นิ้วไปทาง เย่ชีเหวิน " เจ้า[มารยักษ์ใหญ่]ผู้แสนต่ำต้อย กล้าดียังไงถึงได้เอามือสกปกของเจ้ามาสัมผัสเทพเจ้าของพวกเจ้าอย่างข้า นี่เจ้าต้องการที่จะเป็นกบฏใช่หรือไม่ "

ฉับพลันลำแสงสีแดงเข้มถูกยิงออกมาจากกระจก กลายเป็นเส้นแสงพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน แต่ทว่าทันใดนั้นเองมังกรขดที่ขดอยู่รอบร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็ได้เข้ามารับการโจมตีเอาไว้ คลื่นปะทะรุนแรง มังกรส่งเสียงคำราม พลาง[พลังปราณมังกร]และ[พลังปราณโลหิต]ค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันและสลายหายไป

          " นี่มันเป็นไปได้ยังไง " เมื่อเห็นภาพของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ ดวงตาของปีศาจน้อยก็เบิกกว้างพลางตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นพร้อมตะโกนกลับออกไปอย่างเสียงดัง " เจ้ามันมิใช่ปีศาจ "

ฉับพลันคลื่นโลหิตได้พวยพุ่งเข้าใส่ เย่ชีเหวิน แต่ทว่า เย่ชีเหวิน กลับสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายแล้วพุ่งตรงไปทางปีศาจน้อย

          " จับมันไว้! " ปีศาจน้อยตะโกนกล่าวเสียงดัง เหล่าปีศาจจำนวนมากต่างพวยพุ่งเข้าใส่ เย่ชีเหวิน แต่ทว่า เย่ชีเหวิน กลับไม่สนใจและรีบพุ่งตรงไปทางด้านหน้าของปีศาจน้อย ฉับพลันฝ่ามือของเขาได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นกรงเล็บของมังกรพลางคว้าศีรษะของปีศาจน้อยเอาไว้ แน่นในกำมือของเขา โดยที่มันมิสามารถหลบหนีไปไหนได้ แต่ทันใดนั้นเองกระจกก็ได้เปล่งแสงสีแดงฉานดุจโลหิตอันน่าหวาดกลัวและสยดสยองพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

แต่ทว่าฝ่ามืออีกข้างหนึ่งของ เย่ชีเหวิน ก็ได้แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นกรงเล็บของมังกรและต้านทานลำแสงที่สั่นสะท้านได้แม้กระทั่งท้องฟ้าและผืนดินเอาไว้ พร้อมผลักดันมันกลับไปและคว้าไปที่กระจกสีแดงฉาน แต่ทว่าในขณะนั้นเองกระจกสีแดงฉานกับเปล่งแสงสว่างจ้าดุจโลหิตเข้มเจาะทะลวงผ่านชั้นผิวหนังของมังกรและหลอมรวมเข้าไปกายเนื้อของ เย่ชีเหวิน ลำแสงของมันได้กัดกร่อนภายในทำให้แขนของ เบ่ชีเหวิน นั้นถูกปกคลุมไปด้วยเลือด

แต่ทันใดนั้นเองภายในจิตใจของ เย่ชีเหวิน ก็ได้มีความรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างฉับพลัน ประจวบเหมาะกับ[พื้นที่ลึกลับ]ของเขาได้เปล่งแสงออกมาจากจิตใจราวกับสายน้ำและหุบเขาที่ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติพวยพุ่งไปที่ต้นแขนของ เย่ชีเหวิน และปราบปรามพลังอำนาจของกระจกสีแดงฉาน

          " ตูม! " แสงสีรุ้งแห่งธรรมชาติได้ปราบปรามแสงโลหิตแห่งกระจกสีแดงฉาน

สายลมเย็นชื่นได้แพร่พรายไปทั่วร่างของ เย่ชีเหวิน ทำให้เขานั้นมีความรุ้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

          " หนอยไอ้เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย ปล่อยข้าเดียวนี้นะ มิฉะนั้นเจ้าเจอดีแน่! " ปีศาจน้อยตะโกน

          " หุบปากหรือยากให้ข้าหักคอเจ้า! " เย่ชีเหวิน ตะโกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะฆ่ามันได้ เพราะหากทำเช่นนั้นมันก็จะได้รับการเกิดใหม่จากบ่อโลหิตอีกอยู่ดี หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เย่ชีเหวิน คงบดขยี้ปีศาจน้อยตัวนี้ไปนานแล้ว

หลังจากที่แสงสีแดงฉานดุจโลหิตของกระจกได้ถูกดันกลับออกไปภายใต้แสงสีรุ้งของธรรมชาติผืนน้ำและหุบเขาเลือดของ เย่ชีเหวิน ได้ปกคลุมและแทรกซึ่มเข้าไปในกระจก ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้อย่างฉับพลับว่าเขานั้นได้กลายเป็น 1 เดียวกับกนะจกสีแดงฉานนี่

          " ไม่นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ควรที่จะเป็นเช่นนี้ กระจกเทียนหยวนยอมรับเจ้าเป็นนายของมัน? " ฉับพลันสีหน้าของปีศาจน้อยได้แปรเปลี่ยนไปและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

แต่ในขณะเดียวกันพวกปีศาจก็ได้พวยพุ่งเข้ามาเกือบจะถึงยังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน แล้ว และพวกมันก็ตั้งท่าเตรียมที่จะโจมตีในเร็ว ๆ นี้ แต่ฉับพลันเสียงระเบิดดังก้องมาจากเพดานของถ้ำทำให้ถ้ำนั้นถล่มลงมาอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว ที่พื้นดินได้มีรอยแยกขนาดใหญ่และ เย่ชีเหวิน ก็ค้นพบว่าผู้ที่สิ้นสภาพและนอนอยู่ในรอยแยกนั้นคือผู้นำกองทัพปีศาจที่มีร่างอันใหญ่

ในยามนี้เลือดของมันได้ไหลนองไปทั่วร่างและมีบาดแผลมากมายตามร่างกายของมัน เกล็ดผิวหนังที่แข็งแกร่งดั่งเกาะเหล็กบริเวณหน้าอกก็ถูกทำลายเผยให้เห็นรูโหว่ขนาดใหญ่เป็นแผลลึกและมีเลือดไหลนองออกมาเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถมองเห็นผ่านได้ถึงอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดของมันได้อย่างง่ายดาย

และจากหลุมลึกขนาดใหญ่ด้านบนเพดานของถ้ำ ก็ได้ปรากฏรูปเงาของ ฉีเฟยฟ้าน ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและแสงสว่างจ้าที่สาดส่องลงมาจากด้านหลังของเขา ส่งผลให้มันสะท้อนแสงเป็นแสงสีทองอร่าม ซึ่งให้ความรู้สึกที่ราวกับว่าเขานั้นคือทวยเทพที่ลงมากำจัดพวกปีศาจให้สิ้นซาก สายตาของเขาจับจ้องไปที่พวกมันอย่างดูถูกเหยียดหยามจากท้องฟ้าสูง ราวกับว่าพวกมันเป็นเพียงแค่มดในสายตาของเขา

ไม่ว่ากลิ่นอายหรือพลังปราณปีศาจใด ๆ ที่พยายามจะเข้าใกล้ร่างกายของเขา มันก็จะถูกกลื่นกินและชำระล้างโดย[พลังปราณหยวน]ของเขาในทันที ซึ่งมันได้แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามของเขาอย่างชัดเจน

ความแตกต่างระหว่าง 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดได้เผยออกมาให้เห็นแล้วอย่างชัดเจนในขณะนี้

          " เจ้าปีศาจคราวนี้ถึงคราวตายของเจ้าแล้ว " ฉีเฟยฟ้าน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

กระบี่ของ ฉีเฟยฟ้าน สว่างจ้าราวกับแสงอาทิตย์พร้อมกับปลดปล่อย[พลังปราณกระบี่]อันแสนน่ากลัวออกมากระหน่ำฟาดฟันลงไปภายในถ้ำ ซึ่งทันทีที่ความอาฆาทแค้นที่อัดแน่นอยู่ภายในถ้ำได้สัมผัสเข้ากับ[พลังปราณกระบี่]นี้มันก็ได้จางหายไปโดยพลันอย่างไร้ร่องรอย

ผู้นำทัพมารที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ได้ยกตรีศูลของตนขึ้นมาและต้านทาน[พลังปราณกระบี่]ที่น่ากลัวนี้

          " ตูม! " คลื่นพลังอันน่าหวาดกลัวของทั้ง 2 ได้เข้าพุ่งชนกันจนก่อให้เกิดกลายเป็นคลื่นพลังอำนาจขนาดใหญ่แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งภายในถ้ำ ปีศาจที่อ่อนแอก็ถูกทำลายสลายหายไปในทันที ส่วนปีศาจที่แข็งแกร่งก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระจัดกระจายออกไปทั่วภายในถ้ำ ซึ่งสภาพภายในต่างถูกทำลายจนหมดสิ้น

แต่เมื่อคลื่นระเบิดได้กวาดผ่านมาทาง เย่เหวิน กระจกสีแดงฉานที่ยู่นมือของเขานั้นก็ได้ฉายแสออกมา ซึ่งมันได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของ เย่ชเหวิน และปกป้องร่างกายองเขาเอาไว้

เย่ชีเหวิน แทบที่จะไม่มีควาลังเลใด ๆ และรีบพุ่ตัวออกไปตามแนวของถ้ำและออกไปยังด้านนอก

โชคดีที่ทั้ง 2 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนั้นมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตุเห็นว่าเขานั้นได้หลบหนีออกไปผ่านชั้นใต้ดิน และในเวลานี้ปีศาจเกือบทั้งหมดก็ได้ถูกฆ่าตายไปหมดแล้วในทางชั้นใต้ดิน จึงทำให้ เย่ชีเหวิน นี้สามารถหลบหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะหยุดพักเขาก็ได้วิ่งออกห่างมาแล้วมากกว่า 100 ลี้



########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : โธ่เอ้ย...[ก.]ก็นึกวาแน่ สุดม้ายแม้งก็รอด + อุปกรเทพไปอีก 1 ea WTF อะไรมันจะขนาดนั้น
B1 : คนเทพทำอะไรมันก็เทพไปหมด แค่คว้าจับก็สิทธิ์เป็นเจ้าของ
B2 : จอมโจรเย่ อะเคยได้ยิน
B3 : โคตรน่าภูมิฝจเลยมีชื่อโจรนำหน้า
B4 : พระเอกแม้จะเป็นโจรมันก็ยังเป็นพระเอก
B1,B2 : ช่ายพระเอกทำอะไรก็ไม่ผิด
B3 : = = โคตรเกลียด


########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

คลิกโฆษณาสนับสนุนกันได้ที่นี่เลยน้า

6 ความคิดเห็น:

  1. ได้ของดีมาแล้ว... ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. รอดจนได้ ว่าแต่ได้ทั้งกระจกและมารน้อยหรอนะ

    ตอบลบ
  3. แล้วมารน้อยล่ะ...

    ตอบลบ
  4. เข้าร่วมสนับสนุนด้วยอีกคนนะคะ...โดเนทไปให้แล้วนะค่
    คงจะได้อ่านผลงานดีๆนี้ไปตลอดนะคะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ๆๆๆๆๆไม่นะ
    อย่าถึงข้าไป T_T

    ตอบลบ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม