บทที่ 135 - เพียง 2 กระบวนท่า

          " การประลองรอบแรกคู่ที่ 130 เย่ชีเหวิน และ ฝางซู่ ก้าวขึ้นสู่เวทีประลอง! "

ในที่สุดผู้ดูแลการจัดการแข่งขันการประลองของพวกเหล่าศิษย์ ก็ได้เอ่ยขานนามของ เย่ชีเหวิน

ซึ่งเมื่อชื่อของ เย่ชีเหวิน ถูกป่าวประกาศ เขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีประลองในทันที เหล่าบรรดาศิษย์ที่ไม่รู้จักชื่อนามของ เย่ชีเหวิน ต่างก็จับจ้องไปที่ร่างของเขาที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง แม้ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน จะเทียบเคียงได้กับศิษย์เมล็ดพันธุ์และมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ 10 คนในหมู่ศิษย์นับหลาย 1,000 คนของฝ่ายในและนอก หากแต่สำหรับบรรดาเหล่าศิษย์ชั้นนำแล้ว ผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่เทียบเคียงได้กับศิษย์เมล็ดพันธุ์นั้นมีอยู่นับ 200-300 คน เมื่อเทียบกับผู้ที่แข็งแกร่งที่มีเพียงแค่มีกี่ 10 คนสำหรับศิษย์ฝ่ายในและนอกแล้ว ก็ได้หาโดดเด่นเหนือผู้ใดไม่

ยิ่งไปกว่านั้นคู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ในรอบแรกยังเป็น ฝางซู่ ผู้ซึ่งถูกยอมรับว่ามีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ศิษย์ชั้นนำไม่กี่ 100 คน

          " ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าการประลองรอบแรกจะเป็นการจับคู่กันระหว่าง เย่ชีเหวิน และ ฝางซู่ แม้ว่าชื่อเสียงของ เย่ชีเหวิน จะเพิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั่นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ ฝางซู่ ก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด]ด้วยกัน "

          " ใช่ , ข้าเองก็มิได้คาดหวังเลยว่าการประลองรอบแรกจะเป็นการจับคู่กันระหว่าง 2 ผู้เชี่ยวชาญกึ่งศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่มีชื่อเสียง "

          " ในตอนนี้ข้าคิดว่าทันทีที่ 2 คนนั้นได้เผชิญหน้ากัน พวกเขาคงจะทำได้เพียงแค่หลบเลี่ยงกันไปมา "

          " หลบเลี่ยง? หากพวกเขาทำได้เพียงแค่หลบเลี่ยงกันไปมา มันก็คงเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อมิใช่รึ หากทำได้เพียงแค่หลบเลี่ยงกันไปมา อย่างที่ทราบกันดีว่าการประลองเช่นนี้จำเป็นที่จักต้องหวังพึ่งความแข็งแกร่งของตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นในการแข่งขันแต่ล่ะปีก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยินดีเข้าร่วม เพราะการต่อสู้ต่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทุกสิ่งอย่างย่อมพลิกผลันกันได้เสมอ หากโชคดีผู้คนเหล่านี้นก็คงสามารถไต่เต้าขึ้นไปถึง 100 อันดับแรกได้เฉกเช่นเดียวกับ โมฮัน ในยามนี้ แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็มิใช่สถานที่ที่จักมอบที่ยืนให้กับเหล่าบุคคลที่อ่อนแอ แม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ก็ตาม ในท้ายที่สุดก็ต้องพบจุดจบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพช เมื่อพวกรู้ว่าตนเองจักต้องจบลงด้วยความอับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ก็คงไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาเป็นตัวตลกในสายตาของผู้จำนวยมากเช่นนี้หรอก? "

เหนือเวทีประลอง ณ ตำแหน่งที่นั่งของเหล่าผู้อาวุโสเฉกเช่นเดียวกับพวกสานุศิษย์ที่แท้จริง ต่างก็จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน และในหมู่สานุศิษย์ที่แท้จริงหลายคนนั่งอยุ่นั้นก็มี หลินเจิ่นเทียน นั่งอยู่ด้วยซึ่งตัวเขาเองก็ยังจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยเช่นกัน

ในสายตาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อจ้องมองไงปที่เย่ชีเหวิน พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่าศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักหลักมาได้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจะสามารถมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้และท้าทายเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์

เย่ชีเหวิน รับรู้ได้ถึงสายตาจำนวนมากที่จับจ้องมาที่เขา ด้วยความรู้สึกเป็นกังวล มันทำให้หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะราวกับเสียงกลองที่ถูกดี เขารู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ว่าพวกเขาเหล่านั้นอาจสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของ[กระจกเทียนหยวน]และ เย่โม่ ที่แนบอยู่ในกายของเขา

แม้มันจะบอกว่าสำนักยี่หยวนมิได้ใส่ใจเกี่ยวกับการฝึกฝน[เคล็ดวิชามาร]หรือ[เคล็ดวิชาศาสตร์มืด] เพราะในความเป็นจริงกลุ่มคนบางส่วนของสำนักก็ได้ฝึกฝนและบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาการต่อสู้เหล่านี้ หากแต่พวกเขาทั้งหมดต่างล้วนได้รับอนุญาตจากทางสำนักแล้วทั้งสิ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ]บางชนิด ในสายตาของสำนักยี่หยวนไม่ว่าจะเป็น [ศาตราวุธแห่งวิญญาณ] , [เคล็ดวิชามาร] หรือแม้แต่ [เคล็ดวิชาศาสตร์มืด] ก็หาได้ชั่วร้ายเสมอไปไม่ พวกมันล้วนขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าพวกเขาจะนำมันไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่ ตราบใดที่พวกเขาไม่นำมันไปใช้ในทางที่ผิดทางสำนักก็ย่อมอนุญาตให้พวกเขาได้รับการฝึกฝน[เคล็ดวิชามาร]หรือแม้แต่[เคล็ดวิชาศาสตร์มืด]!

แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาทัศนคติและปฏิกิริยาของพวกเขาที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของ[กระจกเทียนหยวน] แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะได้รับฟังจากปากของ เย่โม่ แล้วว่าหากมองดูแบบผิวเผิน[กระจกเทียนหยวน]ก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับธรรมดาทั่วไปที่มีสีสันสวยสดงดงามเป็นพิเศษเพียงเท่านั้น แต่ด้วยความที่ว่าเขายังมืสามารถควบคุม[กระจกเทียนหยวน]ได้ดั่งใจนึก เขาจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ด้วยความเป็นกังวลที่ว่ามันอาจนำพาไปสู่สถานการณ์ยากลำบาก

          " เย่โม่ เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ตามมา? " เย่ชีเหวิน กล่าวถาม เย่โม่ อีกครั้งด้วยความรุ้สึกเป็นกังวลเพราะว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นดินแดนลมปรารแท้จรืง]ทั้งสิ้น หากพวกเขาตัดสินใจที่จะครอบครองมันและเลือกมี่จะกำจัดเขา ด้วยความแข้งแกร่งของเขาในตอนนี้คงมิอาจต้านทานได้

          " จงมั่นใจไม่ว่ายังไงเจ้ามดปลวกพวกนี้ก็ไม่มีวันรับรู้ได้ถึงการตัวตนของข้าได้อย่างแน่นอน " เย่โม่ กล่าวด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เต็มไปเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

เย่โม่ ยังคงถือทิฐิในการดูถูกเหยียดหยามมนุษย์ แม้ว่ามันจะถูกดัดสันดารโดยคำดุด่าของ เย่ชีเหวิน ไปบ้าง แต่ย่างไรก็ตามความคิดเช่นนี้ก็ได้ยั่งรากลึกไปจยถึงกระดูกดำของมันแล้ว ซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นทัศนคติที่มันมีให้ต่อ เย่ชีเหวิน ในยามนี้ก็อยู่ในเกณฑ์ดร แม้แต่ในตอนนี้ เย่โม่ ก็ยังคงหาโอกาศโน้มน้าว เย่ชีเหวิน ให้เริ่มฝึกฝน[เคล้ดวิชามาร]และพลักดันให้เขาขึ้นเป็นราชันจักรพรรดิปีศาจผู้ยิ่งใหญ่องค์ต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้น เย่ชีเหวิน ก็เริ่มที่จะไม่สนใจต่อคำพูดเหล่านั้น ยิ่งเป็นเรื่องการพลักดันให้เขากลายเป็นราชันย์จักรพรรดิปีศาจผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไปยิ่งไม่สนใจใหญ่!

เย่ชีเหวิน ก้าวยืนอยู่บนเวทีประลองและผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาคือชายหนุ่มในชุดคลุมยาวและมีรวดลายแสงจันทร์ที่สง่างามพร้อมมองมาที่ เย่ชีเหวิน ด้วยท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยามพลางกล่าวว่า " ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน่านี้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่หยิ่งผยองและอาละวาดไปทั่ว ซึ่งมันผู้นั้นมีนามว่า เย่ชีเหวิน คือเจ้าใช่หรือไม่? แม้ว่าเจ้าจะเคยมอบความพ่ายแพ้ใหกับ โม่ฮั่น มาก่อน หากแต่ในตอนนั่น เจ้านั่นมันก็อยู่เพียงแค่ใน[ระดับจุดสุงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]เท่านั้น การที่เจ้าสามารถเอาชนะคนอ่อนแอมาได้มันมิได้มีค่าอันใดเลย เจ้าในตอนนี้มืใช่คู้ต่อสู้ที่จะมาประมือกับข้าได้ ทางที่ดีเจ้าควรที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และลงจากเวทีไปโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นอย่างหาว่าข้ามิได้กล่าวเตือนเจ้า "

ด้วยความมั่นใจเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ เย่ชีเหวิน ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เขาก็มิได้คาดคิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของ เย่ชีเหวิน ซึ่งมันทำให้ ฝางซู่ นั้นรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวว่า " นี่เจ้ายิ้มอะไร? "

          " นี่เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอาชนะ โมฮั่น ได้? ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ก็มิได้มากไปกว่า โมฮั่น เลยแม้แต่น้อย หากต้องเผชิญหน้ากับ โมฮั่น ข้าเกรงว่าเขาคงสามารถเอาชนะเจ้าได้ภายใน 10 ชั่วลมหายใจอย่างแน่นอน " เย่ชีเหวิน ว่ากล่าวเพราะเขาเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวของ[ร่างผสานมนุษย์คมหอก] และแม้ว่า ฝางซู่ จะมีความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับ โมฮั่น ก็ยังยากที่จะต่อกรกับ[ร่างผสานมนุษย์คมหอก]ของ โมฮั่น ได้

นับแต่ที่ โมฮั่น ได้ก้าวเข้าสู่[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด] ตราบเท่าที่เขามิได้โชคร้ายในการแข่งขันการประลอง เขาก็มั่นเหมาะที่จะไต่เต้าขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น!

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูที่เผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียวแต่ เย่ชีเหวิน ก็ไม่ต้องการให้ใครมาดูถูกดูแคลนความสามารถของ โมฮั่น

          " แต่ในตอนนี้เจ้าคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเผชิญหน้ากับ โมฮั่น " เย่ชีเหวิน ว่ากล่าว

          " หนอยไอ้เจ้านี่! " ฝางซู่ เริ่มโกรธเกรี้ยว จากรูปลักษณ์ใบหน้าที่ดูมั่นใจในตนเองกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธจากความอับอาจที่เกิดขึ้นจากคำพูดดูถูกเหยียดหยามของ เย่ชีเหวิน

ฝางซู่ คว้ามือจับอากาศพลางปรากฏด้ามดาบกระบี่คมยาวสีฟ้าครามงามสดใสในมือ แม้จะมองดูจากระยะไกลก็ยังส่งผลให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่หนาวเย็นจากตัวกระบี่ ด้วยความเย็นจากตัวกระบี่ที่ได้ปะทะเข้ากับไอร้อนของชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้เกิดเสียงดัง *แปล๊ป ๆ * ราวกับคลื่นไฟฟฟ้าช็อต เขาก้าวขาออกไปข้างหน้า 1 ก้าวพร้อมกับ 2 มือตั้งฉากและในขณะนั้นเองเพียงชั่วพริบตาร่างของเขาก็ได้มาปรากฏยังเบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน

แม้ว่า ฝางซู่ จะมีนิสัยที่เย่อหยิ่งและพูดจาใหญ่โต แต่ทว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นคือของจริงและถือว่าเป็นที่น่าหวาดกลัวต่อใครหลาย ๆ คน การที่ ฝางซู่ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด]คงมิใช่เรื่องน่าขัน ด้วยความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งและความมั่นใจอันเต็มเปี่ยม คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการประลองในครั้งนี้เขาจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่ 100 อันดับแรกได้

*ชูบ!* เย่ชีเหวิน ตอบสนองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชักคมมีดยาวฟาดฟันออกไปดุจราวกับการเคลื่อนไหวของสายฟ้าฟาด ทันทีที่คมมีดและกระบี่ปะทะเข้าใส่กันก็ก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องและสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อชั้นบรรยากาศโดยรอบแพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง เหล่าไอน้ำที่ถูกแช่แข็งต่างก็ถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ปลิวกระเด็นออกไปทั่วทุกทิศทาง เหล่าบรรดาศิษย์จำนวนมากที่อยู่ในฝูงชนต่างก็ป้องกันตัวเองด้วยการแพร่ขยายพลังปราณปกคลุมไปทั่วร่างเพื่อรักษาชีวิต แต่เหล่าศิษย์ที่อยู่เพียงแค่ใน[ระดับดินแดนลมปราณก่อตั้ง]นั้นไม่อาจปกป้องตนเองได้ ทันทีที่ร่างกายสัมผัสเข้ากับเศษน้ำแข็ง เหล่าเกาะพลังปราณที่แสนเปราะบางก็พลันแตกสลายในทันที ส่งผลให้กระดูกบางส่วนในร่างกายของพวกเขานั้นแตกหัก

หลังจากที่สามารถรับคมกระบี่อันน่าเกียจของ ฝางซู่ ได้ เย่ชีเหวิน ก็มิได้หยุดการเคลื่อนไหวเพียงเท่านั้น พลังปราณหยวนภายในร่างได้เริ่มหมุนวนอย่างต่อเนื่องและถูกปล่อยออกมาจากร่างกายผ่านทางใบมีดอันคมกริบ ปรากฏเป็นเส้นแสงคมยาวอันน่ากลัว กวาดผ่านชั้นบรรยากาศพุ่งตรงไปยังทาง ฝางซู่ ราวกับคลื่นวายุที่บ้าคลั่ง แม้แต่เมฆหมอกหรือไอเย็นที่ขวางทางก็ยังพลันสลายหายไปในพริบตา

ฝางซู่ ยกกระบี่หยกคมยาวตั้งฉากขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีอันรุนแรงจากคมมีดของ เย่ชีเหวิน แต่ทว่าด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่เพียงแค่ใน[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด] มีหรือที่เขาจะสามารถต้านทางการโจมตีของบ[ใบมีดลมปราณ]ที่ผสมผสานเข้ากับ[พลังปราณหยวน]บางส่วนได้

          " ปัง! " ทันทีที่การโจมตีคมมีดของ เย่ชีเหวิน ชนเข้ากับกระบี่หยกของ ฝางซู่ ก็ได้ส่งร่างของเขาปลิวกระเด็นออกไปไกลและกระอักเลือดออกมาคำใหญ่กลายเป็นสายธารที่แพร่กระจายออกไปทั่วชั้นบรรยากาศ ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งทะยานออกนอกลานประลอง

เย่ชีเหวิน ใช้เพียงแค่[พลังปราณก่อเกิด]ผสานเข้ากับ[พลังปราณหยวน]เพียงเล็กน้อยก็ถึงกับทำให้ ฝางซู่ นั้นไม่สามารถตีโต้กลับได้แล้ว แม้แต่ปลายดาบเดี่ยว

ซึ่งในความเป็นจริงสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ เย่ชีเหวิน ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงและตั้งใจที่จะปกปิดมัน เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครทราบว่าเขานั้นสามารถผันแปร[พลังปราณหยวน]ได้ เพราะมันอาจมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งอันน่าหวาดกลัวหลบซ่อนอยู่ท่ามกลายศิษย์เมล็ดพันธ์พวกนี้ และมันอาจกลายเป็นปัญหาสำหรับเขาในการจัดอันดับที่สูงขึ้น ฉะนั้นมันจึงดีกว่าหากเขาเลือกที่จะปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนเอาไว้และพยายามที่จะไม่เปิดเผยมันเร็วจนเกิดไป

แต่อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งอันมหาศาลที่มีมากถึง[ระดับขั้น 200 มังกร]ก็ไม่อาจปกปิดได้มิด ซึ่งมันส่งผลให้ร่างของ ฝางซู่ นั้นปลิวกระเด็นไปไกลและมีเลือดไหลออกมาเป็นทางก่อนที่ร่างของเขานั้นจะกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง

          " เย่ชีเหวิน ชนะ ยิ่งกว่านั้นเขายังสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน สิ่งที่เกิดขึ้น ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฝางซู่ จะไม่สามารถโต้กลับได้แม้แต่ปลายดาบเดี่ยว! "
       
          " เป็นไปได้ยังไง เหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นั่นมันกระบี่หยก[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ]มิใช่หรือ แต่เหตุใดมันถึงกลับมิสามารถต้านทานการโจมตีจากคมมีดของ เย่ชีเหวิน ได้! "

          " มันดูราวเหมือนกับว่าพวกเราจะประเมินความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ต่ำเกินไป นับแต่ที่เขาสามารถเอาชนะ โมฮั่น ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ได้ ก็ไม่มีใครเคยคาดคิดเลยว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งพวกเรายังคงเชื่อมั่นว่าเขานั้นอ่อนแอ หากลองย้อนมองกลับไปข้าก็เริ่มเข้าใจได้แล้วว่าเหตุใดในยามนั้นที่ โมฮั่น ได้ผสานร่างกลายเป็น[มนุษย์คมหอก]และเข้าต่อสู้กับ เย่ชีเหวิน แต่ก็ยังจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างง่ายดายให้กับ เย่ชีเหวิน ข้าต้องบอกเลยว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้นั้นได้อยู่ในระดับที่ข้านั้นมิอาจคาดเดาได้เลย! "

          " มันดูราวเหมือนกับว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นจะอยู่ในระดับที่ห่างไกลมาก จนถึงขั้นอาจเทียบเคียงได้กับพวกศิษย์เมล็ดพันธ์ุชั้นนำหรือแม้กระทั่งบางทีในหมู่พวกศิษย์เมล็ดพันธุ์ระดับสูงบางคนก็อาจมิใช่คู่มือของเขา "

และในช่วงเวลานั้นเอง แม้แต่เหล่าสานุศิษย์จาก[พรรคเฉินยู้]ที่มาเชียร์ เย่ชีเหวิน ก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาต่างตกตะลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอย่าลืมว่า เย่ชีเหวิน ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนจาก[พรรคเฉินยู้] พรรคหน้าใหม่ของสำนักยี่หยวนและการที่เขาสามารถเอาชนะศิษย์ผู้ที่เป็นถึงอาวุโสของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย มันทำให้พวกเขานั้นอดไม่ได้ที่จะต้องเผยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขออกมา

เย่ชีเหวิน ก้าวเดินลงจากเวทีและในทันทีเหล่าศิษย์จาก[พรรคเฉินยู้]ต่างก็เข้ารายล้อมและเริ่มแสดงความยินดีให้กับชัยชนะในการประลองรอบแรกของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาที่พึ่งสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด]มาได้ กับมิได้แสดงท่าทีที่เหน็ดเหนื่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายจนดูราวเหมือนกับว่าการต่อสู้ที่ผ่านมานั้นมิได้เป็นอะไรสำหรับเขา ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างพากันคิดไปว่าสำหรับการแข่งขันการประลองในครั้งนี้ เย่ชีเหวิน จะสามารถก้าวเข้าสู่การจัดอันดับที่สูงยิ่งขึ้น เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถคาดเดา

แต่ในหมู่ศิษย์ผู้อาวุโสนั้นต่างจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเชื่อ มันดูราวเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจับจองมองลงไปที่สัตว์ประหลาด ทั้งที่เป็นเพียงแค่ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามายังสำนักหลักในเวลาเพียงแค่ 6 เดือน แต่กับหาญกล้าเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์และที่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด]ได้อย่างง่ายดาย ราวกับเด็กเล่นที่มายืนอยู่เบื่องหน้าของเขา

แม้ว่าพวกเขาจะเคยทราบมาอยู่ก่อนแล้วบางว่าภายในหมู่ศิษย์ฝ่ายใน ในปีนี้นั้นมีความสามารถที่โดดเด่นเหนือคณานับและมีความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัว แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มากมายถึงเพียงนี้มันเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเชื่อสำหรับพวกเขา วิธีที่เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอัน? พวกเขาที่ก้าวเขามายังสำนักหลักและเริ่มฝึกฝนตนเป็นเวลานับกว่าหลาย 10 ปี แต่ก็ยังมิอาจหาญกล้าที่จะเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่นี่เขาเป็นใครเขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ใหม่ที่พึ่งก้าวเข้ามาภายในปีนี้!

การแสดงออกทางสีหน้าของ เย่ชีเหวิน นั้นช่างสงบดุจผิวน้ำที่นิ่งเฉย โดยที่เขามิได้สนใจต่อสายตาและคำซุบซิบนินทาของเหล่าสานุศิษย์โดยรอบ เขาได้นั่งลงและรอคอยอย่างเงียบ ๆ สำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไปที่จะมาถึง

แต่มันก็อาจกล่าวได้ว่า เย่ชีเหวิน เองก็มิได้รอนานนัก การต่อสู้สำหรับลานประลองอื่น ๆ ต่างก็จบลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ได้ใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการพักฟื้น การประลองรอบที่ 2 ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ แม้มันจะกล่าวว่าอาจไม่เป็นธรรมสำหรับผู้เข้าแข่งขันบางคนที่เพิ่งจบการต่อสู้ ซึ่งแตกต่างจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันจบการต่อสู้ได้ไวเฉกเช่น เย่ชีเหวิน ที่มีเวลาพักมากกว่า ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาสามารถกู้คืนมาได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นแล้วหากไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เวลาพักของพวกเขาก็จะยิ่งมีน้อยลง เมื่อต้องเข้าสู่การจัดอันดับที่สูงขึ้นและเผชิญหน้ากับเหล่ากลุ่มคนที่แข็งแกร่งมันก็อาจบอกได้ว่าพวกเขานั้นเสียเปรียบอย่างชัดเจน ที่ไม่มีเวลามากพอในการพักฟื้น จึงอาจกล่าวได้ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์สำหรับบางคน ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นโชคร้ายสำหรับพวกเขาอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน

เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเดินขึ้นมายังเวทีประลองรอบที่ 2 อย่างรวดเร็ว ซึ่งฝ่ายตรงข้ามของเขานั้นคือชายหนุ่มที่มีอายุราว 25 - 26 ปี เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาในรอบนี้คือ เย่ชีเหวิน มันก็ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของเขาจะเผยให้เห็นรอยยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา แม้ว่าตัวเขาจะมิได้เห็นถึงการต่อสู้และความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในการประลองรอบแรก แต่เขาก็ยังคงได้ยินมาจากคนอื่น ๆ เกี่ยวกับความสามารถอันเหลือล้นและควาแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างต้องตกตะลึง จึงทำให้เขาสามารถตระหนักขึ้นมาได้ว่าเขาในยามนี้หาใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ไม่

ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดใน[ระดับขั้นเสี่ยวดินแดนลมปราณก่อเกิด]ไม่สามารถต้านทานหรือโต้กลับได้แม้แต่ดาบเดียวจากคมมีดของ เย่ชีเหวิน และถูกส่งบินออกนอกสนามไปในสภาพที่น่าสังเวช และเขาที่เป็นเพียงแค่[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]หรือจะสามารถต้านทานได้

เมื่อครุ่นคิดไปมาภายในจิตใจมันก็ทำให้เขานั้นจำใจยอมรับอย่างช่วยไม่ได้พลางตั้งฉากฝ่ามือขึ้นเหนือหน้าอกและจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน พร้อมกับกล่าวว่า " ศิษย์น้องเย่ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเจ้าในยามนี้ได้ ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้ "

          " เย่ชีเหวิน เป็นฝ่ายชนะ "

2 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม