บทที่ 137 - สถิติใหม่

ในขณะนี้ ทั่วทั้งสนามประลองต่างเต็มไปด้วยการต่อสู้อย่างดุเดือนระหว่างพยัคฆ์ขาวและมังกรขด ซึ่งภายในชั่วพริบตาร่างของพยัคฆ์ขาวก็ถูกทำลายลงด้วยแรงกดดันและเสียงคำรามของมังกร สติและเรือนร่างของมันต่างถูกหยุดนิ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะป้องกันการโจมตีจากกรงเล็บอันโหดเหี้ยมของมังกรขด ทั้งหางและกรงเล็บที่กวัดแกว่งไปมาด้วยพลังอำนาจที่รุนแรง ทำให้พยัคฆ์ขาวนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะสามารถต่อกรกับมังกรขดได้เลย

ผู้อาวุโสหลายคนต่างให้ความสนใจกับเคล็ดวิชาฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าแปลกตาแปลกใจทำให้มันเป็นที่สนใจต่อสายตาของพวกเขา

เห็นได้ชัดวิเคล็ดวิชาฝ่ามือนี้ถือเป็นเคล็ดวิชาระดับสูง ที่แม้แต่พวกเขาเองก็ยังมิอาจคาดเดาถึงระดับของมันได้ กระทั่งพื้นฐานของเคล็ดวิชาพวกเขาก็ยังมิอาจรู้และมิสามารถมองผ่าน จึงเป็นที่สรุปได้อย่างแน่ชัดว่าเคล็ดวิชานี้มั่นเหมาะที่จะอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก

          “ ผลการต่อสู้ในครั้งนี้ มันได้ถูกกำหนดแล้ว ”

          “ ช่างน่าเศร้า ด้วยความสามารถของ จางชิ การจะขึ้นไปยัง 20 อันดับแรกก็นับว่ามิใช่เรื่องยาก แต่โชคร้ายที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับ เย่ชีเหวิน ในรอบนี้ ” ผู้อาวุโสผู้หนึ่งกล่าวออกมาพร้อมกับถอดถอนลมหายใจ

          “ โชคก็เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง แม้มันจะกล่าวว่านี่คือโชคร้าย แต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าเขานั้นไร้ความสามารถ “ ผู้อาวุโสใกล้เคียงกล่าวออกมาพร้อมกับขดริมฝีปาก

เหล่าศิษย์ผู้อาวุโสและสานุศิษย์ที่แท้จริงที่จับจ้องมองลงไปที่สนามต่างก็มีดวงตาที่เฉียบคม โดยเฉพาะพวกเขาที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง]แม้ไม่ต้องมองดูการต่อสู้จนจบพวกเขาก็สามารถทำนายได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะ

เหนือเวทีประลองสู้ขึ้นไป คู่สายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ได้จับจ้องมองลงมาที่ เย่ชีเหวิน ซึ่งมันผู้นั้นก็มิใช่ใครอื่นนอกจาก ลู่ยี่ฟาน ด้วยความคิดมากมายที่ชุกเข้ามาในหัว ทำให้ขุมไฟให้ความโกรธแค้นลุกโชนขึ้นอย่างกระทันหัน

ภายในใจของ ลู่ยี่ฟาน ความต้องการที่อยากจะฆ่า เย่ชีเหวิน มิได้ลดน้อยลงเลย หากแต่เขาก็มิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จะมีความสามารถพอเข้าร่วมการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้

เหตุใดเขาถึงไม่ได้ติดสินใจฆ่า เย่ชีเหวิน แน่นอนว่ามันเป็นเพราะพยานรู้เห็นมีมากเกินไป แต่ทว่าแท้จริงแล้วส่วนหนึ่งมันก็มาจากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ลู่ยี่ฟาน มั่นใจว่า เย่ชีเหวิน จะต้องตายหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้รับการโจมตีจากคลื่นเสี่ยงของเขา แม้ว่าจะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องเผชิญกับผลกระทบร้ายแรง ซึ่งมีผลพวงกับการบ่มเพาะพลังในอนาคตทำให้มิอาจก้าวหน้าต่อไปได้

แต่ทว่าความคิดเหล่านั้นของ ลู่ยี่ฟาน ก็ได้พังทลายลง เพราะนอกจาก เย่ชีเหวิน จะมิตายแล้วมันยังไม่ได้แสดงท่าทีให้เห็นถึงอาการบาดเจ็บเลยเสียด้วยซ้ำ ราวกับว่าเขานั้นโดนหลอกเป็นไอ้โง่ มิหนำซ้ำมันยังเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า เย่ชีเหวิน มิได้ตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคำพูดเหล่านั้นมันเป็นคำโกหก

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ความโกรธแค้นภายในใจมันก็เดือดพ่านไปทั่วร่างราวกับร่างว่าของเขากำลังจะลุกเป็นไฟ ดวงตาทั้งสองข้างต่างถูกเติมเต็มไปด้วยไฟแค้นและเจตนาฆ่าที่ฝังรากลึก หากเป็นไปได้เขาอยากให้ เย่ชีเหวิน ตายตั้งแต่ตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ

เมื่อคิดว่า เย่ชีเหวิน มีความเกี่ยวข้องกับการตายของ ลู่เทียน ความต้องการที่อยากจะฆ่าของ ลู่ยี่ฟาน ก็ยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นจนถึงขีดสุด ถึงขั้นสาบานกับตัวเองว่าเขาจะต้องฆ่า เย่ชีเหวิน ให้จงได้และทำให้มันต้องชดใช้กับสิ่งที่มันทำคืนเป็นเท่าตัว

แน่นอนว่า เย่ชีเหวิน มิได้ทราบถึงเจตนารมณ์ของ ลู่ยี่ฟาน ในตอนนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของ ลู่ยี่ฟาน ในตอนนั้นและล่วงรู้ถึงความเป็นจริงที่ว่าคำพูดของเขานั้นเป็นคำโกหก ศีรษะของ ลู่ยี่ฟาน คงจะต้องลุกเป็นไฟเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นเขายังทราบดีว่า ลู่ยี่ฟาน มิใช่บุคคลที่จะยอมรามือไปง่าย ๆ!

ด้วยเหตุนี้เองมันจึงรู้สึกกวนใจเขาอยู่เล็กน้อย หากแต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดเช่นนั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องมุ่งเป้าไปที่การต่อสู้กับ จางชิ เสียก่อน

เพราะเขาจำเป็นที่จะต้องจบการต่อสู้ในครั้งนี้ลงให้เร็วที่สุด!

สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน!

เย่ชีเหวิน ได้สร้างคลื่น พลังปราณชี่ ขึ้นที่ตัวมีดและฟาดฟันมันออกไปกลายเป็น ใบมีดประกายแสง คมยาวหนาทึบกวาดผ่านเป็นระรอกคลื่นมุ่งตรงไปทาง จางชิ

ภาพของพยัคฆ์ขาวถูกตัดออกเป็นส่วน ๆ โดย ใบมีดประกายแสง ของ เย่ชีเหวิน ทำให้ใบหน้าของ จางชิ แสดงออกถึงความสิ้นหวัง เพราะเขามิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวถึงเพียงนี้

          " ฟูบ! "

ใบมีดประกายแสง กวาดผ่านทั้งสนามประลองและมุ่งตรงมายังเบื้องหน้าของ จางชิ ซึ่งเตรียมพร้อมที่จะตัดร่างของเขาออกเป็น 2 ส่วน หากแต่ทันใดนั้นเอง คมมีดประกายแสง ก็ได้สว่างวาบพลันหายไปในชั่วพริบตา

ซึ่ง ณ ตอนนั้น ทั่วร่างของ จางชิ ต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น แต่พอรู้สึกตัวอีกที เขาก็พบว่า ใบมีดประกายแสง ที่กำลังมุ่งหน้าตรงมานั้นได้หายไปแล้ว พร้อมกับเสียงตะโกนของ เย่ชีเหวิน ที่ดังขึ้นไปทั่วทั้งเวทีประลอง " ศิษย์พี่จาง , โปรดกล่าวว่าข้าเป็นผู้ชนะ! "

เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของ จางชิ ก็กลับกลายเป็นสีแดงด้วยความรู้สึกอับอาย เพราะความโง่เขลาของเขาที่ได้แสดงออกต่อหน้าทุกคน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เย่ชีเหวิน ก็ยังคงมีความเมตตาและไม่เลือกที่จะทำร้ายเขา ทำให้ จางชิ ไม่มีทางเลือกนอกจากประสานมือขึ้นเหนือหน้าอกพลางกล่าวว่า " ขอบคุณศิษย์น้อยเย่ สำหรับความเมตตาต่อศิษย์พี่ผู้นี้แล้วข้าจะไม่มีวันลืม! "

ไม่ต้องเอ่ยถึง 20 อันดับแรกเลย หาก เย่ชีเหวิน เลือกที่จะไม่ปราณีเขาและฟาดฟัน คมมีดประกายแสง นั่นเข้าใส่ร่างเขาโดยตรง มันคงไม่จบลงเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ นับว่าโชคดีที่มันไม่ลงเอยเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงโชคร้ายอยู่ดีที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่ออย่าง เย่ชีเหวิน!

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน กระโดดลงจากสนามเสียงของ เย่โม่ ก็ได้ดังก้องขึ้นภายในใจของเขา “ ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่ามันล่ะ แม้ว่ามันจะตายก็ไม่มีใครเรียกร้องความเป็นธรรมจากเจ้าหรอกนะ เพราะนี่มันเป็นเวทีประลอง ”

          “ ข้ามิใช่ปีศาจเช่นเจ้าที่จะเข่นฆ่าผู้คนเพื่อความสนุกสนาน! ” เย่ชีเหวิน กล่าวอย่างเบา ๆ

เย่ชีเหวิน รู้สึกชื่นชมต่อทัศนคติของ จางชิ ที่มิได้มีนิสัยสกปรกชั่วช้าต่อคู่ต่อสู้ของเขา

          “ มนุษย์นี่ช่างเข้าใจยากเสียจริง! ” เย่โม่ กล่าว

          “ นั่นคือเหตุผลที่เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างพวกเจ้าไม่มีวันที่จะเข้าใจเผ่าพันธุ์ของมนุษย์! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างจาก เย่โม่ อย่างที่ทราบว่า เย่โม่ นั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายเด็ก แต่ทว่ามุมมองของมันนั้นช่างน่ากลัว ในสายตาของ เย่โม่ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจมันก็ไม่ต่างกันและไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่า*มดปลวกชั้นต่ำ* สำหรับ เย่โม่ แล้วการต่อสู้ระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ มนุษย์และปีศาจ มันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากการต่อสู้กันของพวกฝูงมดที่แย่งอาหาร

แม้ว่า เย่โม่ จะมิได้คิดเช่นนั้นกับ เย่ชีเหวิน เพราะ เย่ชีเหวิน เป็นนายของ[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ กระจกเทียนหยวน]

แน่นอนว่าฉากแห่งการฆ่าฟันอาจฝังรากลึกไปจนถึงกระดูกดำของมันแล้วก็เป็นได้ เดิมที่ เย่ชีเหวิน ก็เพิ่งมาเป็นนายของมันได้ไม่นานนัก จึงทำให้เขามีความเชื่อมั่นอยู่บ้างว่าบุคคลที่เคยเป็นนายของมันก่อนหน้านี้จักต้องมิใช่บุคคลธรรมดาเป็นแน่ ราชาผู้ปกครอง 10,000 อาณาจักร บางทีเขาอาจเป็นผู้มอบทัศนคติเช่นนี้ให้กับ เย่โม่ ก็เป็นได้

ด้วยความรู้สึกที่หยั่งลึกจนไปถึงกระดูกดำ ทำให้ เย่ชีเหวิน นั้นรู้สึกอับจนหนทาง แต่ตราบเท่าที่มันมิได้มีผลอะไรกับตัวเขา เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจ

หลังจากชัยชนะในรอบที่ 3 เย่ชีเหวิน ก็ได้ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่การจัดอันดับ 100 อันดับแรกและกลายเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่แท้จริง

ซึ่งสิ่งนี้ได้กระตุ้นความสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งเหล่าศิษย์จาก[พรรค เฉินยู้]เองก็ไม่มีข้อยกเว้น เดิมที เย่ชีเหวิน มีเพียงแค่ชื่อเสียงในฐานะของศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่ทว่าในตอนนี้เขาก็ได้ประสบความสำเร็จในด้านหน้าของผู้คนเป็นจำนวนมาก สถานะของเขามิใช่ศิษย์ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับศิษย์เมล็ดพันธุ์อีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่แท้จริงในที่สุด

เย่ชีเหวิน ที่ก้าวเข้าสู่สำนักหลักยี่หยวนปีนี้เป็นปีแรก แต่กับสามารถก้าวเข้าสู่การจัดอันดับ 100 อันดับแรกได้ ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะคาดคิด มีเพียงแค่ผู้อาวุโสบางคนเท่านั้นที่สามารถจดจำได้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อไม่กี่ 10 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งเขาผู้นั้นก็มิใช่ใครอื่น ศิษย์อัจฉริยะที่มากไปด้วยพรสวรรค์ ฉีเฟยฟาน แต่อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่สำคัญแล้ว

เพราะ ฉีเฟยฟาน ในตอนนี้ ก็เปรียบเสมือนเป็นดั่งดวงตะวันที่สาดส่องไปทั่วทั้งสำนักยี่หยวน ในสายของทุกคน เมื่อไม่กี่ 10 ปี ที่ผ่านมาเขานับเป็นคนแรกที่สามารถก้าวขึ้นไปสู่การจัดอันดับ 100 คนแรกได้โดยใช้ระยะเวลาอันสั่น ซึ่งในช่วงเวลานั้นไม่มีใครที่มีความสามารถเกินเขา

และเป็นเวลานานแม้จะไม่กี่ 10 ปี แต่ก็นับว่านานเกินไป มากกว่าครึ่งของศิษย์ฝ่ายในและนอก ต่างก็ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้ว เหลือเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นที่พวกเขายังคงจดจำมันได้ ครั้งสุดท้ายเป็นเวลานานกว่าหลาย 10 ปี ไม่เคยมีศิษย์ผู้ใดที่ก้าวเข้ามายังสำนักยี่หยวนและจะสามารถทำได้เช่นเขา

แม้ว่าในช่วงเวลานับหลาย 10 ปีจะเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั่น ๆ สำหรับผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด] แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญใน[ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง]แล้ว ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานกว่าครึ่งชีวิต

แต่อย่างน้อยในสายตาของเหล่าบรรดาศิษย์ทั้งหมด เย่ชีเหวิน ก็ได้สร้างสถิติครั้งใหม่ขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นที่จดจำไปตราบจนชั่วชีวิตของพวกเขาเช่นเดียวกับตำนานของ ฉีเฟยฟาน ที่กลายเป็นที่จำจดต่อเหล่าศิษย์ทั้งมวลมานับหลาย 10 ปี

ซึ่งตำนานบทนี้ของ ฉีเฟยฟาน ในหมู่คนจำนวนมากเขาได้ก้าวขึ้นไปสู่การจัดอันดับสูงสุดของเหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ 50 คนแรก แต่ถ้าหาก เย่ชีเหวิน สามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดยิ่งกว่านั้นได้ จะกลายเป็นว่าเขาได้ทำลายสถิติเก่าของ ฉีเฟยฟาน และสร้างตำนานบทใหม่ให้กับประวัติศาสตร์ของสำนักยี่หยวน!

ในสายตาของผู้คนจำนวนมากต่างก็มีความคาดหวังว่า เย่ชีเหวิน นั้นจะสามารถบดบังรัศมีของพวกเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสพวกนั้นได้ ซึ่ง เย่ชีเหวิน ก็ได้ตอบรับความคาดหวังของพวกเขาโดยการคว้าชัยชนะในรอบที่ 4 อย่างง่ายดายดุจผลิกฝ่ามือด้วยความแข็งแกร่งอันท่วมท้นและก้าวเข้าสู่การจัดอันดับ 50 คนแรกเฉกเช่นเดียวกับตำนานของ ฉีเฟยฟาน เมื่อไม่กี่ 10 ปีที่ผ่านมา

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เหล่าศิษย์ทั่วทั้งสนามประลองก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องแสดงอาการโห้ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความสุข เพราะความสามารถของ เย่ชีเหวิน มันช่างโดดเด่นราวกับดวงตะวันที่ฉายแสง ทุกการประลองเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายดุจผลิกผ่ามือด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น มีหลายคนที่ทำการคาดเดาว่าเขานั้นยังมิได้เปิดเผยฝีมือที่แท้จริงออกมาเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าวีรกรรมของเขามันก็ได้ถูกทาบทามกับบทตำนานของ ฉีเฟยฟาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อคิดถึงความเป็นจริงในข้อนี้เหล่าผู้คนต่างก็มีความคาดหวังว่าเขานั้นจะสามารถทำลายสถิติของ ฉีเฟยฟาน ที่ถูกจาลึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักยี่หยวนได้หรือไม่?

ในทางกลับกัน เขาจะกลายเป็นตำนานบทใหม่ได้หรือไม่?

ในตอนนี้ทุกคนต่างคาดหวังว่าการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้ เย่ชีเหวิน จะสามารถไต่ขึ้นไปได้สูงมากเพียงใด มีหลายคนที่เริ่มคาดเดาว่าเขานั้นอาจไต่ไปได้สูงถึง 20 อันดับแรก ไม่ก็ 10 อันดับแรก หรือแม้กระทั่งอันดับที่ 1

มีแม้กระทั่งศิษย์บางคนที่กล่าวขึ้นมาอย่างห้าวหาญจากการคาดเดาของเขาว่า เย่ชีเหวิน นั้นมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ชนะเลิศในการประลองครั้งนี้

ในหมู่ศิษย์จำนวนมากต่างก็แสดงออกถึงท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็ล้วนเป็นศิษย์จาก[พรรคเฉินยู้] หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนจาก[พรรคเฉินยู้] ยิ่งเขาแสดงความโดดเด่นออกมามากเท่าใด [พรรคเฉินยู้]ก็ยิ่งมีหน้ามีตามากขึ้นเท่านั้น

แต่เดิมศิษย์จำนวนมากภายใน[พรรคเฉินยู้]ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ใหม่ทั้งสิ้น แม้จะมีศิษย์ใหม่บางส่วนและศิษย์ผู้อาวุโสบางคนที่เริ่มให้ความสนใจ หากแต่ทว่าในยามนี้มันต่างกัน มันมิได้เพียงแค่ศิษย์ใหม่อีกต่อไปแล้วที่ให้ความสนใจ เพราะแม้แต่ศิษย์ผู้อาวุโสจำนวนมากในตอนนี้ก็เริ่มให้ความสนใจแล้วด้วยเช่นกัน หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้แสดงความแข็งแกร่งของตนออกมาจนกลายเป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าสายตาของทุกคน จึงมีหลายคนที่ต้องการอยากจะเข้าร่วม หากคิดคำนึงถึงความน่าจะเป็นของ เย่ชีเหวิน ในภายภาคหน้าแล้วมันก็นับว่าคุ้มค่า อีกในหนึ่ง หากพวกเขาได้เข้าร่วมกับ[พรรคเฉินยู้]และ เย่ชีเหวิน ได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงในที่สุด นั่นจะไม่เท่ากับว่าพวกเขาจะพอยได้รับผลประโยชน์อันดีไปด้วยหรอกหรือ หากพวกเขาเข้าร่วมกับ[พรรคเฉินยู้]ในตอนนี้ นอกเสียจากจะได้รับการคุ้มครองแล้ว พวกเขายังมีว่าที่ศิษย์ที่แท้จริงในอนาคตอยู่อีกด้วย ซึ่งมันจะนำมาสู่ทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัดในการบ่มเพาะพลังของพวกเขา ช่างนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

จึงเป็นเหตุผลให้ผู้คนจำนวนมากนั้นต้องการที่จะเข้าร่วมกับพรรคที่ถูกสร้างขึ้นโดยศิษย์ที่แท้จริง แต่ทว่าสำหรับพรรคที่ถูกนำโดยศิษย์ที่แท้จริงแล้วนั้นมักจะมีกฏระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งมีเพียงแค่เหล่าศิษย์ผู้อาวุโสชั้นสูงเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม เหล่ากลุ่มศิษย์ฝ่ายนอกและในนั้นแทบจะไม่มีโอกาศเลย ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

ฉะนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำได้เพียงแค่อิจฉา

แต่ทว่าการปรากฏตัวของ[พรรคเฉินยู้]นั้น มันได้เติมเต็มความหวังของพวกเขา ตราบเท่าที่ เย่ชีเหวิน ยังคงมีความโดดเด่นเหนือผู้ใดและมีพัฒนาการในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในภายภาคหน้าสถานะศิษย์ที่แท้จริงคงไม่ไกลเกินเอื่อม!

นี่ถือเป็นการเดิมพันด้วยอนาคตของพวกเขากับทรัพยากรจำนวนมาก!

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม