บทที่ 139 - ทำลายวรยุทธ

          " เย่ชีเหวิน วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า! " รอยยิ้มอันชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ จูปิ่งหยุน เขารู้สึกเกลียด เย่ชีเหวิน จนเข้ากระดูกดำ ในที่สุดโอกาสที่เขาจะได้แก้แค้นก็ได้มาถึง

จิตวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวและพลังอันน่าเหลือเชื่อของ จูปิ่งหยุน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับ พลังปราณหยวน ที่เอ่อล้นแพร่กระจายไปทุกหนแห่ง เผยให้เห็นถึงความจริงว่าเขานั้นได้ก้าวขึ้นมาสู่[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]แล้ว

ในขณะนี้ ใบหน้าของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสต่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน เพราะด้วยความแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา อาจเป็นไปได้ที่ว่าเขานั้นอาจจะอยู่ใน[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]แล้วก็เป็นได้ เมื่อมองเห็นถึงความเป็นจริงในข้อนี้ พวกเขาแทบมิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะนี่มันเป็นเพียงแค่การประลองก่อนรอบชิงชนะเลิศเท่านั้น การที่เขาแสดงความแข็งแกร่งออกมาเช่นนี้ มันอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญครั้งใหญ่

          " นี่มันเป็นไปได้ยังไง! " พวกผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ ในขณะที่ดวงตาของพวกเขาเบิ่งกว้างจ้องมองลงไปที่เวทีประลอง เห็นได้ชัดเลยว่าความแข็งแกร่งของ จูปิ่งหยุน นั้นมิได้มีความสำคัญเพียงแค่เหล่าศิษน์เบื้องล่างเท่านั้น หากแค่มันส่งผลถึงเหล่าผู้อาวุโสด้วย

เหนือเวทีประลองสูงขึ้นไป ประกายแสงลุกวาว ดวงตาของ ลู่ยี่ฟาน ได้จับจ้องมองลงไปที่ เย่ชีเหวิน!

          " ข้าไม่เคยคิดเลยว่า จูปิ่งหยุน จะมีความแข็งแกร่งน่ากลัวถึงถึงเพียงนี้ ข้าเกรงว่าในการประลองครั้งนี้ เย่ชีเหวิน อาจจะตกอยู่ในอันตราย "

          " ข้าเคยได้ยินมาว่าระหว่าง จูปิ่งหยุน และ เย่ชีเหวิน นั้นเคยมีเรื่องบาดหมางซึ่งกันและกันมาก่อน ในการประลองครั้งนี้ ข้าเกรงว่าบางที เย่ชีเหวิน อาจต้องพบเจอกับชะตากรรมที่โหดร้าย ด้วยน้ำมือของ จูปิ่งหยุน เพราะดูเหมือนว่าเขาจะมิได้มีท่าทีปล่อย เย่ชีเหวิน ไปอย่างง่ายดายอย่างแน่นอน "

          " ถ้าข้าเป็นเขา ข้าจะไม่ก้าวเท้าขึ้นเวทีประลองอย่างเด็ดขาด เพราะหากข้าทำเช่นนั้น ข้าคงได้ก้าวลงสู่ก้นหุบเหวลึกเป็นแน่ เพราะดูจากรูปการแล้ว การประมือกับ จูปิ่งหยุน ในรอบนี้ คงไม่แตกต่างไปจากการประลองในลานประลองความเป็นความตายเป็นแน่ "

          " นั่นคงเป็นเหตุผลที่เจ้าไม่สามารถไปได้สูงเท่า เย่ชีเหวิน แต่ถ้าหากเขายอมรับในการประลองครั้งนี้แล้ว จากนี้ไปวรยุทธของเขาคงถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากวรยุทธของเขาถูกทำลาย ก็เลิกหวังถึงพัฒนาการอันรวดเร็วของเขาได้เลย แม้จะพยายามให้ตายยังไง มันก็คงไม่มีวันก้าวหน้าต่อไปได้ สำหรับอัจฉริยะเยี่ยงเขาแล้ว มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายเสียอีก หากเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้มันคงยังดีซะกว่า "

          " ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะกล้าขึ้นมา แต่ในเมื่อเจ้าก้าวขึ้นมาแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ก้าวกลับลงไปได้อีก " จูปิ่งหยุน กล่าวพลางหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง สำหรับเขาแล้ว เย่ชีเหวิน จะก้าวขึ้นมาหรือไม่นั้นก็ไม่ต่างกัน แต่ในเมื่อผลมันออกมาเป็นเช่นนี้ นั่นก็ดีสำหรับเขาเหมือนกัน เขาจะได้คว้าโอกาสนี้ฆ่า เย่ชีเหวิน เสีย ใครจะสามารถพูดได้ กลับกันหาก เย่ชีเหวิน ไม่ก้าวขึ้นมา นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นคนขี้ขลาดมากแค่ไหน คนขี้ขลาด ชื่อเสียงนี้จะติดตามตัวเขาไปราวกับเงาที่ไม่มีวันจางหายและมีความกล้าพอที่จะสู้หน้าผู้ใดอีก เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่าให้รู้สึกเปลืองมือีกต่อไป

          " ขยะช่างจ้อเช่นเจ้า นี่มันช่างน่ารำคาญเสียจริง! " เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมพ่นลมหายใจ

          " ถ้ารีบร้อนจะตายมากขนาดนั้น ดี! งั้นข้าจะช่วยเจ้า! " ใบหน้าของ จูปิ่งหยุน เริ่มดูมืดมนและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูชั่วร้าย

ฝ่ามือที่ว่างเปล่าของ จูปิ่งหยุน ได้คว้าไปที่จี้กระบี่ พลางปรากฏกระบี่คมยาวสีแดงฉาน ที่มีรวดรายสวยสดงดงามและมีความประณีต แต่ทว่าในเวลาต่อมาบรรยากาศทั่วทั้งสนามประลองก็ได้ร้อนระอุราวกับว่ากำลังยืนอยู่ ณ ปากปล่องภูเขาไฟ คลื่นลมร้อนได้พัดผ่านออกไปทั่วทุกทิศทาง

มันคือ[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ]มิใช่[ศาสตราวุธวิญญาณเทียม]ก่อนหน้านี้ หากแต่เป็น[ศาสตราวุธวิญญาณที่แท้จริง] ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดย พลังปราณหยวน ทันทีที่ จูปิ่งหยุน ได้หยิบเอา[ศาสตราวุธวิญญาณที่แท้จริง]ออกมา ก็ดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบจะเริ่มร้อนขึ้นในทันที ซึ่งเห็นได้ชัดว่า[ศาสตราวุธวิญญาณเทียม]นั้นมิสามารถทำเช่นนี้ได้

[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ]ที่ถูกใช้ควบคู่ไปกับพลังอำนาจของผู้เชี่ยวชาญ[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] คู่ต่อสู่ในก่อนรอบรองชนะเลิศของการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ จูปิ่งหยุน เพียงแค่จับตามอง เหล่าศิษย์ที่ส่งเสียงเชียร์อยู่ก่อนหน้านี้ก็พลันเงียบลงในทันทีและถูกปกคลุมไปด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาต่างเริ่มรู้สึกกังวลเมื่อมองไปยังภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาต่างไม่เห็นเลยว่า เย่ชีเหวิน จะมีทางเอาชนะ จูปิ่งหยุน ได้

แม้ในบรรดาเหล่าศิษย์หลักด้วยกัน ก็มิใช่ว่าทุกคนที่จะมี[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ] มีเพียงแค่กลุ่มคนเล็ก ๆ เท่านั้นในบรรดาเหล่าศิษย์หลักระดับสูงที่จะมี[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณ] แต่มันก็ยังคงเป็นเพียงแค่[ศาสตราวุธแห่งวิญญาณระดับต่ำ] แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากอยู่ดี

          " เย่ชีเหวิน วันนี้คือวันตายของเจ้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายอย่างน่าสมเพช! " จูปิ่งหยุน กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

          " ถ้าเจ้าคิดว่า เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้โดยพึงพาเพียงแค่ของพันนั้น เจ้ามันก็คิดตื้นเกินไปแล้ว! " เย่ชีเหวิน กล่าวเยาะเย้ย

          " ตายเสียไอ้บัดซบ! " จูปิ่งหยุน กล่าวเย้ยหยัน พร้อมกับเพลงกระบี่สีแดงฉานในมือ ในช่วงเวลานั้นเองก็ได้ปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้นล้อมรอบกระบี่คมยาว ประดุจราวกับมันกำลังเผาไหม้ชั้นบรรยากาศโดยรอบ เสียงดังอืออึง ฉับพลันเปลวเพลิงก็ได้ก่อตัวรวมกันและพุ่งตรงไปทาง เย่ชีเหวิน ประดุจดั่งมังกรแดงขนาดใหญ่และกรงเล็บที่พร้อมจะบดขยี้โลกทั้งใบ ได้มุ่งตรงไปทาง เย่ชีเหวิน ปานจะกลืนกินเขาทั้งตัว

เย่ชีเหวิน หัวเราะเยาะและมองดูการกระทำของ จูปิ่งหยุน อย่างเย็นชา เพียงแค่ชั่วพริบตา พลังปราณหยวน อนันอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ทะลักออกมาจากร่างกายของเขา

ฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ได้ยิงออกไปอย่างเรียบง่ายด้วย พลังปราณหยวน ที่ควบแน่นจนกลายเป็นกรงเล็บของมังกร มุ่งตรงไปยังด้านหน้ามังกรสีแดงฉานของ จูปิ่งหยุน ในช่วงเวลาต่อมามังกรเพลิงสีแดงฉานของ จูปิ่งหยุน ก็ได้ถูกคว้าเอาไว้โดยฝ่ามือกรงเล็บมังกรของ เย่ชีเหวิน ราวกับว่าชีวิตของมันได้ตกอยู่ในกำมือของ เย่ชีเหวิน แล้วก็มิปาน

          " นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น! " เหนือเวทีประลองสูงขึ้นไป ลู่ยี่ฟาน ถึงกับลุกขึ้นยืนและจับจ้องมองลงไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง ทันทีที่เขาเห็นว่า เย่ชีเหวิน นั้นได้ใช้ความสามารถของ พลังปราณหยวน มันสามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้ยังไงกัน? เขาได้รวบรวมข้อมูงเกี่ยวกับ เย่ชีเหวิน และรู้มาว่า เย่ชีเหวิน นั้นยังมิได้ก้าวเข้าสู่[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]เลยเสียด้วยซ้ำ มันจึงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเกินไปที่เขาจะสามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้ เมื่อมองเห็นถึงความเป็นจริงในข้อนี้ทุกคนต่างก็ตระหนักได้ในทันที ว่าหาก เย่ชีเหวิน สามารถใช้ พลังปราณหยวน ได้เช่นนี้ ฉะนั้นแล้วความแข็งแกร่งของเขา มันก็มิได้ด่อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]เลยแม้แต่น้อย

มันกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่โง่มาก ที่เขานั้นไม่เลือกฆ่า เย่ชีเหวิน เสียตั้งแต่ที่มีโอกาส ความตั้งใจที่อยากจะฆ่าภายในใจของ ลู่ยี่ฟาน นั้นได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สายตาของเขานั้นได้จับจ้องมองลงไปที่ เย่ชีเหวิน ที่กำลังใช้ พลังปราณหยวน อยู่ในขณะนี้ ด้วยสายตาที่โฉบเฉี่ยวราวกับพญาเหยี่ยวที่กำลังจับจ้องเหยื่อ

          " นี่มันเป็นไปไม่ได้! " ในขณะเดียวกัน หลินเจิ่นเทียน ก็ถึงกับขนาดต้องยืนขึ้นมาด้วยเช่นกัน ด้วยสายตาที่จับจ้องมองลงไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกที่แทบมิอยากจะเชื่อสายตาของตนเอง พร้อมกับพึมพำว่า " จะเป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่ก่อนหน้าเขาเพิ่งสามารถก้าวเข้าสู่ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิดได้เมื่อไม่นานมานี้ หากแต่ในตอนนี้กลับสามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้แล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อ นี่มันความเร็วบ้าอะไรกัน! "

ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ที่แท้จริงคนอื่น ๆ ต่างก็มีใบหน้าที่งงงวย ในตอนแรกที่พวกเขานั้นพบว่า จูปิ่งหยุน อยู่ใน[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] ก็ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง หากแต่หลังจากที่ทราบว่าก่อนหน้านี้ จูปิ่งหยุน ได้อยู่ใน[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]มานานแล้ว ฉะนั้นแล้วการที่เขาจะสามารถก้าวขึ้นสู่[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ได้ภายในระยะเวลาอันสั่นนั้น แม้จะประหลาดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้งงงวย หากแต่สำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิ่ง เพราะการที่เขาสามารถใช้ พลังปราณหยวน ได้นั่นก็เท่ากับว่าเขามีสามารถทัดเทียมได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ก็มิปาน เมื่อมองเห็นถึงความเป็นจริงในข้อนี้ ใครเล่าจะสามารถนั่งก้นติดเก้าอี้ได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด และ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]นั้นมีความห่างชั้นกันอยู่ราวกับท้องฟ้าและผืนดิน ฉะนั้นแล้วการที่ เย่ชีเหวิน สามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องตัดผ่านไปยัง[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]นั้น จึงเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเชื่อ

ผู้คนจำนวนมาก ต่างก็แสดงออกถึงท่าทีที่ตกใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขานั้น มันได้ปฏิเสธหลักการและเหตุผลทั้งหมดที่เคยมีมา อาจกล่าวได้เลยว่าในตอนนี้ เย่ชีเหวิน นั้นมีความแข็งแกร่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]เลยแม้แต่น้อย โดยที่เขายังมิได้ตัดผ่านไปยัง[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]เลยเสียด้วยซ้ำ อัจฉริยะที่ไม่มีอัจฉริยะคนไหนสามารถเทียบได้ เป็นตำนานที่เหมือนดั่ง ฉีเฟยฟาน ในอดีต หากแต่แม้ว่า ฉีเฟยฟาน นั้นจะมีพลังมากจนน่าเหลือเชื่อ หากแต่เขาก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่รวดเร็วและแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ในยุคของเขา

นอกจากนี้อย่าลืมว่า เย่ชีเหวิน ยังคงมิได้ก้าวเข้าสู่[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] แต่กับสามารถสัมผัมถึงความล้ำลึกของ พลังปราณหยวน และยังสามารถปรับแต่งมันได้ มันอาจกล่าวได้เลยว่านี่คือพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง!

          " นี่มันเกิดอะไรขึ้น! "

          " เย่ชีเหวิน สามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้มิหนำซ้ำมันยังอยู่ในระดับที่ล้ำลึกมากอีกด้วย "

          " เป็นไปได้ว่าในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาอาจอยู่ในระดับเดี่ยว "

ศิษย์ทั้งหมดต่างตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เกิดคลื่นระเบิดขึ้น

สายตาจำนวนมากต่างจับจ้องมองไปที่ชายเพียง 2 คน ที่กำลังสู้รบกันอยู่บนสนามประลอง ในขณะการต่อสู้ยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การประลองระหว่างศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ของพวกเขานั้นแทบเทียบเท่าได้กับการต่อสู้ของพวกศิษย์หลัก ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย จากการประลองกันระหว่างศิษย์แถวหน้าที่กำลังจะกลายเป็นศิษย์หลัก

สำหรับศิษย์ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นศิษย์หลักแล้วนั้น พวกเขาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ใน[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]โดยธรรมชาติ หากแต่ยังมิได้ปรับแต่ง พลังปราณหยวน เพราะมันมีความลึกลับที่ยากเกินจะหยั่งถึง จึงเป็นเรื่องยากที่จะปรับแต่งมันได้ภายในระยะเวลาอันสั่น บางคนอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แต่บางคนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือแม้กระทั่งเป็นปี

และบางทีก็อาจนานมากกว่านั้น

ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของบุคคลเหล่านี้นั้นมิสามารถนำมาเทียบได้กับ เย่ชีเหวิน หรือ จูปิ่งหยุน ที่ปรับแต่ง พลังปราณหยวน แล้วได้ หรือจะกล่าวอีกในหนึ่งก็คือพวกเขาทั้ง 2 ได้บรรลุความแข็งแกร่งสมบูรณ์ใน[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]แล้ว

ในขณะเดียวกันทั่วร่างของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วย พลังปราณหยวน อันมหาศาล ทำให้เสื้อผ้าของเขานั้นโบกสะบัดพัดไปมา ทั้งบรรยากาศรอบตัวต่างก็ให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัว ประดุจดั่งคลื่นยักษ์มหาสมุทรทะลักออกมาจากร่างกายของเขา แพร่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

          “ จูปิ่งหยุน เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถยกระดับพลังของตนเองโดยการพึ่งพาความสามารถของคนอื่นแล้วจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างนั้นหรือ? เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่เศษขยะและจะเป็นเศษขยะไปตลอดกาล ในวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก ว่าระหว่างข้ากับเจ้านั้นมันห่างชั้นกันมากแค่ไหน เจ้าจะได้ไม่มีหน้ามาท้าทายข้าอีกครั้ง! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวจับใจ

          “ เย่ชีเหวิน เพียงแค่เจ้าสามารถปรับแต่ง พลังปราณหยวน ได้ ก็อย่าได้มั่นใจให้มันมากนัก แม้ต่อให้เจ้าก้าวสู่[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ได้ เจ้าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของข้า ในวันนี้แหละข้าจะขยี้เจ้าซะและทำให้เจ้ากลายเป็นขยะไปตลอดกาล! ” จูปิ่งหยุน เค้นเสียงกล่าว ในขณะที่ภายในดวงตาของเขานั้นต่างก็เต็มไปด้วยความอิจฉา ทั้งที่เขาได้รับความแข็งแกร่งที่ยากจะมีผู้ใดเทียบมาแล้ว หากแต่เขาก็ไม่สามารถยอมรับหรือเข้าใจได้ว่าเหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงได้มีความแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่เพิ่งก้าวเข้าร่วมกับสำนักหลักมาเพียงเท่านั้น

          “ ตายซะ เย่ชีเหวิน! ” จูปิ่งหยุน แผดคำรามกับกระบี่คมยาวสีแดงเพลิงในมือ ฟาดฟันลำแสงท่อประกายมุ่งตรงไปที่ เย่ชีเหวิน ทั่วทั้งร่างของเขาต่างลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง ประดุจดั่งเปลวเพลิงที่มีชีวิต

เย่ชีเหวิน ได้ชัดใบมีดของเขาออกมา หากแต่มันมิได้อยู่ในมือของเขา เพราะเข้าใจ พลังปราณจิตวิญญาณ ในการควบคุมมันเพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องจับมันไว้ในมือเสมอไป ใบมีดประกายแสง ลุกวาวส่องสว่างไปทั่ว เพียงชั่วพริบตามันก็ได้พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

แสงสว่างสาดส่อง เพียงชั่วพริบตา ก็ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ณ ช่วงกลางเวทีสนามประลอง จนก่อให้เกิดคลื่นระเบิดขนาดใหญ่ ทำให้หมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วปกคลุมทั่วทั้งสนาม แม้แต่อาณาเขตที่ปกคลุ่มสนามประลองเอาไว้ก็ยังเกิดรอยร้าวให้เห็น ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนพวกเขามิทันได้ตั้งตัว ทำให้เหล่าศิษย์หลายคนต่างครุ่นคิดว่าการประลองในครั้งนี้นั้น มันเกือบเทียบเท่าได้กับการต่อสู้ของพวกศิษย์หลักเลยที่เดียว

          “ ตูม! ” ฉับพลัน จู่ ๆ ก็ได้มีแรงระเบิดมุ่งตรงไปที่เหล่าศิษย์ทั้งหลาย ทำให้พวกเขานั้นอดไม่ได้ที่จะต้องป้องกันตนเองด้วยการห่อหุ้ม พลังปราณชี่ ไปทั่วร่าง ด้วยความรู้สึกที่ตกตะลึง เพราะการโจมตีเมื่อสักครู่นั้น มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

          “ บัดซบ! ” จูปิ่งหยุน กระอักเลือดออกมาคำใหญ่และร่างกายที่ปลิวกระเด็นออกไปในลักษณะพลิกคว่ำ ทั้งที่เขาสามารถก้าวมาถึงใน[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ได้แล้ว แท้ ๆ แม้ว่าจะมิได้ใช้วิธีการในการบ่มเพาะพลังทางธรรมชาติก็ตาม หากแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด]ที่แท้จริงอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น แม้ต่อให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณแท้จริง]ได้แล้วก็ตาม เขาก็ยังคงมิใช่คู่ต่อสู้กับ เย่ชีเหวิน อยู่ดี

เย่ชีเหวิน ใช้เคล็ดวิชา[ย่างก้าวทูตเทพสวรรค์]และพุ่งทะยานกวาดผ่านออกไปคว้ามือจับแน่นไปที่ต้นคอของ จูปิ่งหยุน ในขณะที่ร่างของ จูปิ่งหยุน นั้นยังคงรอยอยู่ในอากาศ ราวกับตะขอเหล็ก

          “ เย่ชีเหวิน ข้าจะฆ่าเจ้าแม้ว่าข้าจะต้องตาย! ” จูปิ่งหยุน ตะโกนร้องออกมาในลำคอของเขา ในขณะที่มือของ เย่ชีเหวิน ยังคงล็อคแน่นไปที่คอของ จูปิ่งหยุน จนเขานั้นไม่สามารถหายใจหรือพูดกล่าวใด ๆ ออกมาได้

          “ อยากจะฆ่าข้านั่นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเจ้า หลังจากที่เจ้าพยายามที่จะฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ฉะนั้นนี่คือบทลงโทษ ที่เจ้าจะได้รับ! ” เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง พร้อมกับรวบรวม พลังปราณหยวน ไว้ที่มืออีกข้างหนึ่งแล้วแทงไปที่ ดันเถียน ของ จูปิ่งหยุน ในทันที

          “ ซวบ! ” ดันเถียน ของ จูปิ่งหยุน ถูกทำลายในทันที วรยุทธทั้งหมดทั้งมวลที่เขาได้ฝึกฝนมา ได้ถูกทำลายลงแล้วด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน


.................................

B1 : จบชีวิตเด็กปากหมา
B2 : ก็นะ จะว่าสงสารก็สงสาร แต่ส่วนใหญ่แล้วสมน้ำหน้าว่ะ 55555
B3 : เห้อ...มีบทมาเพื่อแค่นี้สินะ
B4 : อีก 10 บทต่อไปฟาร์มพะยะคะ

1 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม